รายงานการวิเคราะห์เชิงนโยบายฉบับใหม่จากสหพันธ์ยุโรปเพื่อการคมนาคมและสิ่งแวดล้อม (T&E) เปิดเผยเมื่อวันพุธ (27 มี.ค.) ว่า รถยนต์พลังงานไฟฟ้า (EV) ที่ผลิตในจีนจะคิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 1 ใน 4 ของยอดขายรถ EV ในยุโรปในปีนี้ โดยสัดส่วนดังกล่าวเพิ่มขึ้นกว่า 5% จากปีที่แล้ว
รายงานระบุว่า เมื่อปีที่แล้ว ประมาณ 19.5% ของรถยนต์ไฟฟ้าแบตเตอรี่ที่ขายในสหภาพยุโรป (EU) มาจากจีน ขณะที่เกือบ 1 ใน 3 ของยอดขายในฝรั่งเศสและสเปนเป็นรถ EV จากจีน
สัดส่วนของรถ EV ผลิตในจีนที่ขายในยุโรปมีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นเป็นกว่า 25% ในปี 2567 เนื่องจากแบรนด์จีน เช่น บีวายดี (BYD) กำลังเร่งขยายฐานธุรกิจไปทั่วโลก
T&E ระบุว่า แม้รถ EV ที่ขายในสหภาพยุโรปส่วนใหญ่เป็นแบรนด์ตะวันตก เช่น เทสลา (Tesla) ซึ่งผลิตและจัดส่งรถมาจากจีน แต่เฉพาะแบรนด์จีนคาดว่าจะคิดเป็นสัดส่วน 11% ของตลาดสหภาพยุโรปในปี 2567 และสัดส่วนดังกล่าวอาจเพิ่มขึ้นแตะ 20% ภายในปี 2570
สำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานว่า ข้อมูลดังกล่าวได้รับการเผยแพร่ในขณะที่คณะกรรมธิการยุโรป (EC) กำลังไต่สวนเรื่องการมอบเงินอุดหนุนให้กับบริษัทผลิตรถ EV ในจีน เพื่อตรวจสอบว่าบริษัทเหล่านี้ขายรถตัดราคาบริษัทในยุโรปอย่างไม่เป็นธรรมหรือไม่ ขณะที่แบรนด์ที่ไม่ใช่ของจีนแต่จัดส่งรถมาจากจีน เช่น เทสลาและบีเอ็มดับเบิลยู (BMW) ก็อาจถูกตรวจสอบเช่นเดียวกัน
T&E ระบุว่าจะดำเนินการปรับขึ้นภาษีรถ EV ขนาดกลางจากจีน เช่น รถซีดานและรถเอสยูวี จากปัจจุบัน 10% เป็นอย่างน้อย 25% เพื่อให้มีราคาสูงกว่ารถประเภทเดียวกันที่ผลิตในยุโรป แต่รถเอสยูวีขนาดเล็กและรถยนต์ขนาดใหญ่จากจีนจะยังคงมีราคาถูกกว่าเล็กน้อย
นอกจากนี้ T&E จะกำหนดให้ยุโรปพึ่งพาตนเองมากกว่านี้ในด้านการผลิตเซลล์แบตเตอรี่สำหรับรถ EV