บรรดานักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า บริษัทประกันภัยหลายแห่งอาจต้องจ่ายเงินชดเชยรวมกันมากถึง 4 พันล้านดอลลาร์ จากเหตุสะพานฟรานซิส สกอตต์ คีย์ (Francis Scott Key Bridge) ในเมืองบัลติมอร์ รัฐแมริแลนด์ของสหรัฐอเมริกาพังถล่มลงมา โดยอาจเป็นโศกนาฏกรรมที่สร้างความสูญเสียมากที่สุดเป็นประวัติการณ์ในแวดวงการประกันภัยการขนส่งทางเรือ
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า นักประดาน้ำได้ค้นพบศพคนงาน 2 รายจากทั้งหมด 6 รายที่สูญหายไปจากเหตุการณ์เรือบรรทุกคอนเทนเนอร์ชนตอม่อสะพานจนพังถล่มเมื่อวันอังคาร (26 มี.ค.) ซึ่งส่งผลให้ท่าเรือบัลติมอร์ ซึ่งเป็นหนึ่งในท่าเรือที่พลุกพล่านที่สุดของสหรัฐต้องปิดให้บริการ
ทั้งนี้ ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าท่าเรือบัลติมอร์จะเปิดให้บริการอีกครั้งได้เมื่อใด ด้านเหล่าบริษัทประกันและบรรดานักวิเคราะห์ต่างกำลังประเมินความเสียหายที่บริษัทประกันภัยต้องแบกรับ ทั้งในส่วนของทรัพย์สิน สินค้า การเดินเรือ หนี้สิน เครดิตการค้า และการหยุดชะงักทางธุรกิจ
นายมาร์กอส อัลวาเรซ กรรมการผู้จัดการฝ่ายจัดอันดับการประกันภัยทั่วโลกของบริษัท มอร์นิ่งสตาร์ ดีบีอาร์เอส (Morningstar DBRS) กล่าวว่า "บรรดาบริษัทประกันภัยอาจต้องจ่ายเงินชดเชยราว 2-4 พันล้านดอลลาร์ ขึ้นอยู่กับระยะเวลาของการปิดท่าเรือ และความคุ้มครองของการประกันภัยธุรกิจหยุดชะงักของท่าเรือบัลติมอร์" โดยอาจทุบสถิติการจ่ายเงินชดเชยในเหตุโศกนาฏกรรมเรือสำราญ คอสตา คอนคอร์เดีย (Costa Concordia) เมื่อปี 2555
ทั้งนี้ อิมแพลน (IMPLAN) บริษัทวิเคราะห์เศรษฐกิจ ระบุว่า จากการประมาณการเบื้องต้น ค่าใช้จ่ายในการสร้างสะพานใหม่ซึ่งรัฐบาลกลางน่าจะเป็นผู้จ่ายนั้น อยู่ที่ 600 ล้านดอลลาร์ นอกจากนั้นยังประมาณการว่าการปิดท่าเรือเพียง 1 เดือนอาจสร้างความเสียหายให้กับรัฐแมริแลนด์มากถึง 28 ล้านดอลลาร์