นายชุนอิจิ ซูซูกิ รัฐมนตรีคลังญี่ปุ่นเปิดเผยในวันนี้ (29 มี.ค.) ว่า ญี่ปุ่นไม่ได้กำหนดระดับของเงินเยนอย่างเจาะจงว่าเงินเยนจะต้องอ่อนค่าลงสู่ระดับใดจึงจะเข้าแทรกแซงตลาด ขณะที่นักลงทุนส่วนใหญ่คาดการณ์ว่ารัฐบาลญี่ปุ่นอาจจะเข้าแทรกแซงตลาดหากเงินเยนร่วงลงหลุดจากระดับ 152 เยนต่อดอลลาร์
สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า การแสดงความเห็นของนายซูซูกิมีขึ้น หลังจากเงินเยนร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 34 ปีที่ระดับ 151.97 เยนต่อดอลลาร์ในตลาดโตเกียวเมื่อวันพุธ (27 มี.ค.) ส่วนสถิติก่อนหน้านี้นั้น เงินเยนเคยดิ่งลงแตะ 151.94 เยนต่อดอลลาร์ในเดือนต.ค. 2565 ก่อนรัฐบาลญี่ปุ่นเข้าแทรกแซงตลาดด้วยการทุ่มซื้อเงินเยนเพื่อแลกกับดอลลาร์สหรัฐ
"กระทรวงการคลังจะใช้มาตรการทั้งหมดเท่าที่เป็นไปได้ เพื่อควบคุมไม่ให้เงินเยนเคลื่อนไหวมากเกินไป อย่างไรก็ดี เราไม่ได้กำหนดไว้อย่างเจาะจงว่าเงินเยนจะต้องอ่อนค่าลงมากเพียงใด เราจึงจะเข้าแทรกแซง" นายซูซูกิกล่าว
นอกจากนี้ นายซูซูกิกล่าวว่า การซื้อขายแบบเก็งกำไรคือสาเหตุที่ทำให้เงินเยนอ่อนค่าลงในช่วงที่ผ่านมา พร้อมกับย้ำมุมมองที่ว่าอัตราแลกเปลี่ยนสกุลเงินต่างประเทศในขณะนี้ไม่ได้สะท้อนถึงปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจ และอัตราแลกเปลี่ยนที่มีการเคลื่อนไหวมากเกินไปนั้นถือเป็นสิ่งที่ไม่สามารถยอมรับได้
โดยปกติแล้ว การอ่อนค่าของเงินเยนจะเอื้อประโยชน์ต่อการส่งออกของญี่ปุ่น เนื่องจากทำให้สินค้าที่ผลิตในญี่ปุ่นมีราคาถูกลงเมื่อนำไปจำหน่ายในตลาดต่างประเทศและทำให้รายได้ในรูปเงินเยนในต่างประเทศมีมูลค่าสูงขึ้นด้วย แต่การอ่อนค่าของเงินเยนทำให้สินค้าที่นำเข้าสู่ญี่ปุ่นมีราคาแพงขึ้นและส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ เนื่องจากญี่ปุ่นต้องพึ่งพาการนำเข้าพลังงานมากกว่า 90% ของความต้องการใช้พลังงาน
ในการประชุมเมื่อวันที่ 19 มี.ค. ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ตัดสินใจยุตินโยบายอัตราดอกเบี้ยติดลบและประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2550 ซึ่งถือเป็นการยุติการใช้นโยบายผ่อนคลายการเงินแบบพิเศษ (ultra-loose monetary policy) ที่ดำเนินการมานานเป็นสิบปีเพื่อต่อสู้กับภาวะเงินฝืด
อย่างไรก็ดี BOJ ให้คำมั่นว่าจะยังคงใช้นโยบายผ่อนคลายการเงินต่อไปอีกระยะหนึ่ง ซึ่งส่งผลให้ตลาดคาดการณ์ว่าส่วนต่างระหว่างอัตราดอกเบี้ยของญี่ปุ่นและสหรัฐนั้น ยังไม่มีแนวโน้มที่จะลดลง