เอ็มเอสซี (MSC) บริษัทสายการเดินเรือขนาดใหญ่ที่สุดของโลกที่มีสำนักงานใหญ่ในสวิตเซอร์แลนด์ กลายเป็นบริษัทสายการเดินเรือรายล่าสุดที่ยกเลิกการส่งมอบสินค้านอกท่าเรือให้กับลูกค้าที่เป็นผู้ส่งสินค้า โดยสินค้าที่ถูกยกเลิกการส่งมอบนอกท่าเรือนี้เป็นสินค้าจากเรือที่ต้องเปลี่ยนจุดหมายปลายทางกะทันหันเพราะท่าเรือในเมืองบัลติมอร์ของรัฐแมรีแลนด์ถูกปิดแบบไม่มีกำหนดจากผลพวงของเหตุสะพานพังถล่มเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา
สำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานว่า การตัดสินใจของเอ็มเอสซีทำให้ผู้ส่งสินค้าต้องรับผิดชอบเรื่องการขนสินค้าจากท่าเรือสำรองไปยังจุดหมายปลายทางเอง หรืออาจเผชิญกับค่าใช้จ่ายที่เกิดจากการขนส่งสินค้าล่าช้า
ในอีเมลที่ส่งถึงลูกค้า เอ็มเอสซีอธิบายว่าเอ็มเอสซีต้องเปลี่ยนเส้นทางการขนส่งสินค้าที่อยู่ระหว่างการเดินทางไปท่าเรือบัลติมอร์ โดยเปลี่ยนไปลำเลียงสินค้าขึ้นฝั่งที่ท่าเรือแห่งอื่นแทน
"สำหรับการจัดส่งสินค้าเหล่านี้ บริษัทจะยกเลิกสัญญาการขนส่งที่ท่าเรือสำรองและคลังจัดเก็บสินค้า โดยต้นทุนค่าเสียเวลาที่ไม่ได้นำตู้คอนเทนเนอร์ออกจากท่าเรือตามเวลาที่กำหนดและค่าเสียเวลาที่คืนตู้คอนเทนเนอร์ให้กับสายเรือไม่ได้ตามเวลาที่กำหนด รวมถึงต้นทุนการขนส่งต่อจะตกเป็นภาระของผู้ส่งสินค้าแต่เพียงผู้เดียว" เอ็มเอสซีระบุ
เอ็มเอสซีกล่าวเสริมว่า "ขณะนี้ไม่สามารถเดินทางเข้าและออกจากบัลติมอร์ได้ และจะเป็นเช่นนี้ไปอีกหลายสัปดาห์หรือไม่ก็หลายเดือน"
ซีเอ็มเอ ซีจีเอ็ม (CMA CGM), คอสโก้ (COSCO) และเอเวอร์กรีน (Evergreen) เป็นบริษัทสายการเดินเรือแห่งแรก ๆ ที่ประกาศการเคลื่อนไหวลักษณะดังกล่าวและในบางกรณีได้ประกาศภาวะเหตุสุดวิสัย ซึ่งเป็นเงื่อนไขทางกฎหมายที่อ้างถึงสิทธิ์ในการยกเว้นความรับผิดชอบตามสัญญาเมื่อเกิดเหตุการณ์นอกเหนือการควบคุมของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง
สำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานว่า เมอส์ก (Maersk) เป็นบริษัทสายการเดินเรือรายใหญ่เพียงแห่งเดียวที่ระบุว่าจะให้บริการจัดส่งสินค้าจากท่าเรือสำรองจนถึงมือลูกค้า
อนึ่ง เมอส์กเป็นผู้เช่าเหมาลำเรือต้าหลี่ที่สูญเสียการควบคุมจนชนเข้ากับสะพานฟรานซิส สกอตต์ คีย์ บริดจ์ (Francis Scott Key Bridge) ในเมืองบัลติมอร์เมื่อวันอังคารที่ 26 มี.ค.ที่ผ่านมา