กฎหมายฉบับใหม่ของรัฐแคลิฟอร์เนียกำหนดให้พนักงานฟาสต์ฟู้ดที่ทำงานให้กับร้านที่มีสาขามากกว่า 60 แห่งในแคลิฟอร์เนีย จะได้รับค่าแรงขั้นต่ำ 20 ดอลลาร์สหรัฐหรือราว 733 บาทต่อชั่วโมง โดยมีผลตั้งแต่ 1 เม.ย.นี้เป็นต้นไป
สำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานว่า ค่าแรงใหม่นี้เกิดจากกฎหมายที่รัฐแคลิฟอร์เนียผ่านออกมาเมื่อเดือนก.ย.ปีที่แล้ว และกฎหมายดังกล่าวยังมีการจัดตั้งคณะกรรมการ 9 คนเพื่อกำหนดการขึ้นค่าแรงในอนาคต รวมถึงวางแนวทางด้านสภาพการทำงานในอุตสาหกรรมฟาสต์ฟู้ดอีกด้วย
ทั้งนี้ นายเกวิน นิวซัม ผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนียเปิดเผยเมื่อลงนามในร่างกฎหมายดังกล่าวว่า ในรัฐมีพนักงานฟาสต์ฟู้ดมากกว่า 500,000 คน
อย่างไรก็ดี บางร้านที่ได้รับผลกระทบได้ตอบโต้ด้วยการลดจำนวนพนักงานและขึ้นราคาอาหารแทน โดยเจ้าของแฟรนไชส์ร้านพิซซ่า เช่น ปาป้าจอห์นส์ (Papa John's), ราวด์ เทเบิ้ล (Round Table) และพิซซ่า ฮัท (Pizza Hut) ต่างพากันปลดพนักงานเดลิเวอรี่ออกก่อนที่กฎหมายใหม่จะมีผลบังคับใช้ นอกจากนี้ ร้านดังอย่างแมคโดนัลด์ (McDonald's), วิงสต็อป (Wingstop) และชิโปตเล เม็กซิกัน กริลล์ (Chipotle Mexican Grill) จะผลักภาระค่าแรงที่เพิ่มขึ้นไปยังลูกค้าโดยตั้งราคาในเมนูให้แพงขึ้น
นายแมทธิว ฮอลเลอร์ ประธานและซีอีโอของสมาคมแฟรนไชส์นานาชาติซึ่งเป็นกลุ่มสนับสนุนผู้ประกอบการแฟรนไชส์ให้สัมภาษณ์กับทางซีเอ็นบีซีว่า "ผลกระทบก็คือเจ้าของธุรกิจ ซึ่งเป็นผู้ซื้อแฟรนไชส์ที่ไม่ใช่บริษัทใหญ่ ถึงแม้ผู้สนับสนุนกฎหมายนี้จะพูดว่าอย่างไรก็ตาม แต่จริง ๆ แล้วพวกนี้เป็นธุรกิจขนาดเล็ก ซึ่งตอนนี้ต้องแบกรับภาระต้นทุนที่สูงขึ้นตามที่กฎหมายบังคับ ต้นทุนเหล่านั้นจะถูกผลักภาระไปให้ลูกค้า และอาจส่งผลให้มีการจ้างงานน้อยลงด้วย"
แม้กฎหมายนี้จะไม่กระทบร้านอาหารอื่น ๆ ในแคลิฟอร์เนียโดยตรง เช่น ร้านกาแฟเล็ก ๆ ร้านอาหารบ้าน ๆ ที่บริหารโดยครอบครัว และร้านสเต็กหรู แต่ร้านเหล่านั้นก็อาจต้องปรับขึ้นค่าจ้างเพื่อแข่งกับร้านฟาสต์ฟู้ดในการแย่งตัวพนักงาน ส่วนอุตสาหกรรมอื่น ๆ ที่พึ่งพาแรงงานรายชั่วโมง เช่น ค้าปลีกและโรงแรม ก็อาจต้องเพิ่มค่าแรงเช่นกันเพื่อรักษาพนักงานไว้
ตามข้อมูลที่พนักงานรายงานด้วยตัวเองบนเว็บไซต์กลาสดอร์ (Glassdoor) ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 2566 ถึง 28 มี.ค. 2567 ก่อนกฎหมายนี้มีผล ค่าแรงเฉลี่ยของพนักงานร้านอาหารรายชั่วโมงในแคลิฟอร์เนียอยู่ที่ 17.89 ดอลลาร์ต่อชั่วโมง สูงกว่าค่าแรงขั้นต่ำทั่วไปของรัฐที่ 16 ดอลลาร์ต่อชั่วโมง แต่มีเพียง 22% เท่านั้นที่ได้รับค่าแรงอย่างน้อย 20 ดอลลาร์ต่อชั่วโมงในช่วงเวลาดังกล่าว
อนึ่ง กฎหมายแคลิฟอร์เนียฉบับนี้ ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากสหภาพแรงงานนานาชาติของพนักงานบริการ (SEIU) มีความขัดแย้งมาโดยตลอด ภาคอุตสาหกรรมร้านอาหารต่อต้านร่างกฎหมายเริ่มแรกโดยรวบรวมลายเซ็นให้มีการลงประชามติเพื่อให้ชาวแคลิฟอร์เนียลงคะแนนตัดสินในเรื่องนี้ แต่ SEIU ก็ตอบโต้ด้วยการสนับสนุนร่างกฎหมายที่จะกำหนดให้เจ้าของแฟรนไชส์ (เช่น แมคโดนัลด์) ต้องร่วมรับผิดชอบในกรณีที่ผู้ซื้อแฟรนไชส์ละเมิดกฎหมายแรงงาน ท้ายที่สุด ทั้งสองฝ่ายมาเจรจากันเมื่อเดือนก.ย. จนออกมาเป็นกฎหมายฉบับใหม่นี้ขึ้น และตัดข้อกำหนดเรื่องความรับผิดชอบร่วมกันในฐานะนายจ้างออกไป
หลังคว้าชัยชนะที่แคลิฟอร์เนีย SEIU เตรียมสู้ต่อเพื่อให้พนักงานฟาสต์ฟู้ดในรัฐอื่น ๆ ได้ขึ้นค่าแรงเช่นกัน โดยแมรี เคย์ เฮนรี ประธาน SEIU ให้สัมภาษณ์กับซีเอ็นบีซีว่า รัฐอื่น ๆ ที่มีแนวโน้มได้แก่ นิวยอร์ก วอชิงตัน และอิลลินอยส์
"เราต่อสู้มานาน 10 ปีกว่าจะมาถึงโต๊ะเจรจานี้ได้ และ [พนักงาน] รู้สึกว่าพวกเขาจะมีสิทธิมีเสียงในการทำงานในแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน" เฮนรีกล่าว