ฐานเงิน (Monetary Base) หรือปริมาณเงินสดที่หมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจของญี่ปุ่นเติบโตในอัตราที่ชะลอตัวที่สุดในรอบ 7 เดือนในเดือนมี.ค. ซึ่งเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ได้เริ่มยุติส่วนที่เหลืออยู่ของโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจขนาดใหญ่ของนายฮารุฮิโกะ คุโรดะ อดีตผู้ว่าการ BOJ
ข้อมูลของ BOJ ระบุว่า ปริมาณเงินสดที่หมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 1.6% เมื่อเทียบเป็นรายปีในเดือนมี.ค. ซึ่งถือเป็นการชะลอตัวติดต่อกันเป็นเดือนที่ 5 และเป็นการเพิ่มขึ้นน้อยที่สุดนับตั้งแต่เดือนส.ค.ปีที่ผ่านมา หลังเพิ่มขึ้น 2.4% ในเดือนก.พ.
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า BOJ มีแนวโน้มจะอนุญาตให้ปริมาณเงินสดที่หมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจญี่ปุ่นชะลอตัวต่อไป หลังจากเมื่อเดือนมี.ค.ได้ละทิ้งพันธสัญญาในการเดินหน้าเพิ่มปริมาณเงินสดที่หมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจญี่ปุ่นจนกว่าเงินเฟ้อจะอยู่เหนือเป้าหมาย 2% ที่ BOJ กำหนดเอาไว้ได้อย่างมั่นคง
ข้อมูลอีกฉบับที่เผยแพร่ต่อสาธารณชนเมื่อวันจันทร์ (1 เม.ย.) แสดงให้เห็นว่า BOJ ซื้อพันธบัตรรัฐบาลแบบซื้อขาด 5.9 ล้านล้านเยน (3.9 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ) ในเดือนมี.ค. ซึ่งคิดเป็นเพียงประมาณครึ่งหนึ่งของยอดซื้อในเดือนเดียวกันของปีที่ผ่านมา
การเปิดเผยตัวเลขดังกล่าวมีขึ้น หลังจากมีการยุติมาตรการกระตุ้นขนานใหญ่ที่ริเริ่มโดยนายคุโรดะอย่างเป็นทางการ ซึ่งเป็นการต่อสู้กับภาวะเงินฝืดของญี่ปุ่นด้วยการอัดฉีดเงินปริมาณมหาศาลในระบบเศรษฐกิจและการซื้อสินทรัพย์
BOJ ได้ยุตินโยบายอัตราดอกเบี้ยติดลบที่บังคับใช้มานาน 8 ปี และนโยบายที่ไม่ปกติอื่น ๆ ในเดือนที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นการเปลี่ยนแปลงนโยบายครั้งประวัติศาสตร์จากที่เคยมุ่งเน้นไปที่การเพิ่มเงินหมุนเวียนด้วยการกระตุ้นด้านการเงินขนาดใหญ่มาหลายทศวรรษ