ราคาหุ้นของบริษัทอินเทล คอร์ป ซึ่งเป็นผู้ผลิตชิปรายใหญ่ของสหรัฐร่วงลงกว่า 4% ในการซื้อขายหลังปิดตลาดนิวยอร์กในวันอังคาร (2 เม.ย.) หลังจากบริษัทเปิดเผยข้อมูลทางการเงินสำหรับธุรกิจการผลิตเซมิคอนดักเตอร์หรือธุรกิจโรงหล่อ
ในรายงานที่ยื่นต่อคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐ (SEC) อินเทลระบุว่า ธุรกิจโรงหล่อของบริษัทขาดทุนจากการดำเนินงาน 7 พันล้านดอลลาร์ในปี 2566 จากยอดขาย 1.89 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งขาดทุนมากกว่าระดับของปี 2565 ที่ 5.2 พันล้านดอลลาร์ จากยอดขาย 2.75 หมื่นล้านดอลลาร์
สำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานว่า นี่เป็นครั้งแรกที่อินเทลเปิดเผยรายได้สำหรับธุรกิจโรงหล่อเพียงอย่างเดียว โดยในอดีต อินเทลออกแบบและผลิตชิปเอง และรายงานยอดขายชิปทั้งหมดแก่นักลงทุน
บริษัทเซมิคอนดักเตอร์สหรัฐรายอื่น เช่น อินวิเดีย (Nvidia) และเอเอ็มดี (AMD) ออกแบบชิปเอง แต่ส่งชิปเหล่านี้ไปยังโรงหล่อชิปในเอเชียเพื่อทำการผลิต ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นของบริษัทไต้หวัน เซมิคอนดักเตอร์ แมนูแฟกเจอริง คอมพานี (TSMC) ของไต้หวัน
ทั้งนี้ อินเทลภายใต้การบริหารของนายแพทริก เกลซิงเกอร์ ซีอีโอ พยายามเสนอแผนแก่นักลงทุนเพื่อจะผลิตชิปของตัวเองต่อไป แต่จะเริ่มธุรกิจโรงหล่อเพื่อผลิตชิปให้กับบริษัทอื่น ๆ ด้วย
บทบาทของอินเทลในฐานะบริษัทเพียงแห่งเดียวในสหรัฐที่ผลิตเซมิคอนดักเตอร์ที่ล้ำสมัยในสหรัฐนั้น เป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้บริษัทได้รับเงินอุดหนุนเกือบ 2 หมื่นล้านดอลลาร์ตามกฎหมายว่าด้วยชิปและวิทยาศาสตร์ (Chips and Science Act) ในเดือนที่ผ่านมา