นายคาซูโอะ อุเอดะ ผู้ว่าการธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ได้แถลงต่อรัฐสภาญี่ปุ่นในวันนี้ (9 เม.ย.) ว่า BOJ จะเดินหน้าปรับลดการกระตุ้นด้านการเงิน (monetary stimulus) ต่อไป หากอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานของญี่ปุ่นเคลื่อนตัวใกล้ระดับ 2% ตามที่ BOJ คาดการณ์ไว้ ซึ่งความเคลื่อนไหวดังกล่าวนับเป็นการส่งสัญญาณว่า BOJ อาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกในปีนี้ ตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้
นายอุเอดะกล่าวว่า BOJ จะประเมินข้อมูลที่จะได้รับในวันข้างหน้า เพื่อประเมินว่าความแข็งแกร่งของค่าจ้างสอดคล้องกับผลการเจรจาค่าจ้างระหว่างฝ่ายบริหารและสหภาพแรงงานญี่ปุ่นหรือชุนโต (Shunto) ในช่วงฤดูใบไม้ผลิปีนี้หรือไม่ และประเมินว่าเงินเฟ้อจากการบริการจะปรับตัวขึ้นอย่างมีเสถียรภาพตามเป้าหมายหรือไม่
นายอุเอดะยังกล่าวด้วยว่า นโยบายการเงินของ BOJ ไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อควบคุมอัตราแลกเปลี่ยนสกุลเงินต่างประเทศ แต่เขาไม่ปฏิเสธความเป็นไปได้ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงนโยบายการเงิน เนื่องจากผลกระทบของค่าเงินที่มีต่อเศรษฐกิจนั้น ไม่ใช่เรื่องที่ BOJ จะสามารถเพิกเฉยได้
สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า การที่ BOJ ประกาศยุตินโยบายการเงินแบบผ่อนคลายพิเศษ (ultra-loose monetary policy) ที่ดำเนินการมาเป็นเวลานานและสวนทางกับนโยบายการเงินของธนาคารกลางทั่วโลกนั้น ไม่สามารถสกัดการอ่อนค่าของเงินเยนได้ ซึ่งส่งผลให้ทางการญี่ปุ่นได้ออกมาส่งสัญญาณเตือนหลายครั้งว่า อาจจะเข้าแทรกแซงตลาดปริวรรตเงินตรา
ทั้งนี้ นายอุเอดะกล่าวต่อสมาชิกรัฐสภาว่า "หากเงินเฟ้อพื้นฐานปรับตัวสู่ระดับเป้าหมาย 2% อย่างค่อยเป็นค่อยไปตามที่เราคาดการณ์ไว้ ก็มีความเป็นไปได้ที่เราจะลดการผ่อนคลายนโยบายการเงินลงอีก"
นายอุเอดะระบุว่า ปัจจุบันอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานของญี่ปุ่นอยู่ต่ำกว่าระดับ 2% เล็กน้อย ซึ่งทำให้ BOJ จำเป็นต้องดำเนินนโยบายผ่อนคลายการเงินต่อไปอีกระยะหนึ่ง แต่แนวโน้มที่อัตราเงินเฟ้อจะแตะระดับเป้าหมายดังกล่าวนั้นมีมากขึ้น
"หากค่าจ้างและเงินเฟ้อมีความแข็งแกร่งมากกว่าที่เราคาด ก็มีความเป็นไปได้ที่ BOJ จะลดระดับการผ่อนคลายทางการเงินในเวลาที่รวดเร็วขึ้น" นายอุเอดะกล่าว