ดอยซ์แบงก์ ธนาคารรายใหญ่ที่สุดของเยอรมนี เปิดเผยผลสำรวจที่จัดทำขึ้นในเดือนมี.ค. โดยระบุว่า ผู้บริโภคมีความคิดเห็นที่แตกต่างกันออกไปเกี่ยวกับราคาของบิตคอยน์ ซึ่งเป็นคริปโทเคอร์เรนซีขนาดใหญ่ที่สุดของโลก โดยประมาณ 1 ใน 3 ของผู้ตอบแบบสำรวจคาดการณ์ว่า ราคาบิตคอยน์จะร่วงหลุดระดับ 20,000 ดอลลาร์สหรัฐภายในสิ้นปีนี้
ทั้งนี้ การปรับลดลงหลุดระดับ 20,000 ดอลลาร์สหรัฐนั้น เท่ากับว่ามูลค่าบิตคอยน์จะหายไปประมาณ 50,000 ดอลลาร์สหรัฐจากราคาปัจจุบัน และหวนคืนสู่ระดับเดียวกับช่วงที่ตลาดอยู่ในภาวะขาลงเมื่อปี 2565
รายงานระบุว่า มีผู้ตอบแบบสำรวจเพียง 10% จากทั้งหมด 3,600 คน ที่คาดการณ์ว่าราคาบิตคอยน์จะสูงเหนือระดับ 75,000 ดอลลาร์สหรัฐ ณ สิ้นเดือนธ.ค.ปีนี้
ผู้ตอบแบบสำรวจประมาณ 40% เชื่อมั่นว่าบิตคอยน์จะเติบโตแข็งแกร่งในช่วงหลายปีข้างหน้า แต่ 38% ของผู้ตอบแบบสำรวจคาดการณ์ว่าบิตคอยน์จะหายไปจากโลกนี้ ขณะที่ผู้ตอบแบบสำรวจไม่ถึง 1% มองว่าบิตคอยน์ได้รับความนิยมเพียงชั่วขณะ
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า บิตคอยน์ปรับตัวลดลง 1.4% แตะระดับ 70,700 ดอลลาร์สหรัฐ ณ เวลา 7.50 น.ของวันนี้ (9 เม.ย.) ตามเวลากรุงลอนดอน หรือ 13.50 น.ของวันนี้ตามเวลาไทย หลังแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 73,798 ดอลลาร์สหรัฐในช่วงกลางเดือนมี.ค. และปรับตัวขึ้น 67% ในปีนี้ ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นเหนือสินทรัพย์ดั้งเดิมอื่น ๆ เช่น หุ้นและทองคำ
อนึ่ง นักลงทุนแห่เข้าซื้อกองทุน Spot Bitcoin ETF ของสหรัฐที่เพิ่งจัดตั้งขึ้นได้เพียง 3 เดือน ส่งผลให้ราคาบิตคอยน์พุ่งทะยานขึ้น และทำให้กลุ่มผู้สนับสนุนคาดการณ์ว่าอุปสงค์คริปโทฯ จะเพิ่มสูงขึ้น อย่างไรก็ตาม กลุ่มนักวิจารณ์มองว่าบิตคอยน์ไม่มีมูลค่าในตัวเองและเป็นเพียงเครื่องมือที่ใช้ในการเก็งกำไรเท่านั้น