ไปรษณีย์สหรัฐ (United States Postal Service - USPS) ระบุเมื่อวันอังคาร (9 เม.ย.) ว่า ต้องการปรับขึ้นราคาแสตมป์ทั่วไป (first-class) เป็น 73 เซนต์ จากปัจจุบัน 63 เซนต์ โดยจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 14 ก.ค.ปีนี้
ขณะเดียวกัน ไปรษณีย์สหรัฐจะปรับขึ้นราคาค่าบริการจัดส่งพัสดุไปรษณีย์ 7.8% แต่ต้องได้รับการอนุมัติจากคณะกรรมการกำกับดูแลระบบไปรษณีย์สหรัฐเสียก่อน
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ในเดือนพ.ย.ปีที่แล้ว ไปรษณีย์สหรัฐรายงานยอดขาดทุนสุทธิ 6.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐสำหรับช่วง 12 เดือนที่สิ้นสุดวันที่ 30 ก.ย. 2566 หลังปริมาณจดหมายและไปรษณียภัณฑ์ที่ใช้แสตมป์ทั่วไปลดลงสู่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2511 โดยไปรษณีย์สหรัฐได้ปรับขึ้นราคาแสตมป์ทั่วไปแล้ว 36% ตลอดช่วง 4 ปีที่ผ่านมานับตั้งแต่ต้นปี 2562 ซึ่งในเวลานั้นราคาแสตมป์ทั่วไปอยู่ที่ 50 เซนต์
รายงานระบุว่า ไปรษณีย์สหรัฐได้เร่งปรับขึ้นราคาแสตมป์และอยู่ระหว่างดำเนินแผนปรับโครงสร้างระยะ 10 ปีที่ประกาศเมื่อปี 2564 ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อป้องกันภาวะขาดทุนที่ประมาณการไว้ที่ 1.6 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐในช่วง 10 ปีข้างหน้า และก่อนหน้านี้คาดการณ์ว่าปี 2566 เป็นปีคุ้มทุน
ไปรษณีย์สหรัฐปรับขึ้นราคาแสตมป์สองครั้งต่อปี และคาดการณ์ว่า นโยบายกำหนดราคาแสตมป์ใหม่จะสร้างรายได้เพิ่มเติม 4.4 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐภายในปี 2574
ปริมาณการส่งจดหมายและไปรษณียภัณฑ์ที่ใช้แสตมป์ทั่วไป ลดลง 6.1% ในช่วง 12 เดือนที่สิ้นสุดวันที่ 30 ก.ย. 2566 สู่ 4.6 หมื่นล้านฉบับ และลดลง 53% นับตั้งแต่ปี 2549 สู่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2511 แต่รายได้เพิ่มขึ้น 515 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เนื่องจากมีการปรับขึ้นราคาแสตมป์