นลท.รายย่อยญี่ปุ่นแห่ตุนเงินเยน รับกระแสคาดการณ์รัฐบาลเตรียมแทรกแซงตลาด FX

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday April 10, 2024 12:40 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นักลงทุนรายย่อยในญี่ปุ่นแห่ซื้อเงินเยนอย่างคึกคักในตลาดโตเกียว ท่ามกลางความเชื่อมั่นที่ว่าทางการญี่ปุ่นจะเข้าแทรกแซงตลาดหลังจากเงินเยนเคลื่อนไหวใกล้แตะระดับต่ำสุดในรอบ 34 ปี

สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า นักลงทุนรายใหญ่ในญี่ปุ่นต่างก็คาดการณ์ว่ารัฐบาลจะเข้าแทรกแซงตลาดปริวรรตเงินตราเพื่อพยุงค่าเงินเยน ซึ่งสวนทางกับบรรดาผู้จัดการกองทุนระดับมืออาชีพที่พากันขายชอร์ตเงินเยนเป็นมูลค่าสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ขณะที่นักกลยุทธ์ด้านการตลาดคาดการณ์ว่า เงินเยนอาจจะแข็งค่าขึ้นมากถึง 5 เยนต่อดอลลาร์หากรัฐบาลญี่ปุ่นเข้าแทรกแซงตลาด

ทั้งนี้ นักลงทุนรายย่อยแห่ซื้อเงินเยน หลังจากนายชุนอิจิ ซูซูกิ รัฐมนตรีคลังญี่ปุ่นได้ออกมาเน้นย้ำหลายครั้งว่า กระทรวงการคลังพร้อมที่จะใช้มาตรการตอบสนองหากเงินเยนมีการเคลื่อนไหวมากเกินไป โดยในขณะที่เงินเยนเคลื่อนตัวเข้าใกล้ระดับ 152 เยนต่อดอลลาร์นั้น ได้เกิดกระแสคาดการณ์เพิ่มขึ้นว่าหากเงินเยนเคลื่อนตัวข้ามเส้นดังกล่าว ก็จะกระตุ้นให้รัฐบาลญี่ปุ่นเข้าแทรกแซงตลาด

ทาคูยะ คันดะ หัวหน้าฝ่ายวิจัยของเว็บไซต์ Gaitame.com กล่าวว่า "นักลงทุนต่างก็คาดการณ์เรื่องการแทรกแซงตลาด ยิ่งเงินเยนเคลื่อนตัวเข้าใกล้ระดับ 152 เยนต่อดอลลาร์มากเท่าใด สกุลเงินดอลลาร์ก็ถูกเทขายออกมามากเท่านั้น"

ข้อมูลจากธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ระบุว่า นักลงทุนรายย่อยในญี่ปุ่นมีสัดส่วนเกือบ 30% ของการซื้อขายสกุลเงินทั่วโลก ขณะที่ข้อมูลจากแพลตฟอร์มการซื้อขายสกุลเงินต่างประเทศของตลาดการเงินโตเกียวระบุว่า เมื่อวันที่ 2 เม.ย.ที่ผ่านมา นักลงทุนรายใหญ่ของญี่ปุ่นเข้าซื้อเงินเยนเป็นมูลค่าใกล้แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์

ความเคลื่อนไหวดังกล่าวของนักลงทุนรายย่อยสวนทางกับบรรดานักลงทุนที่เป็นมืออาชีพด้านการเงิน โดยข้อมูลจากคณะกรรมาธิการการซื้อขายสัญญาล่วงหน้าสินค้าโภคภัณฑ์ (CFTC) ระบุว่า กลุ่มผู้จัดการกองทุนและผู้จัดการสินทรัพย์ได้ทำสัญญาขายชอร์ตเงินเยนเพิ่มขึ้นแตะระดับ 148,388 สัญญาในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 2 เม.ย. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนม.ค. 2550 โดยนักลงทุนเหล่านี้เทขายเงินเยน ท่ามกลางกระแสคาดการณ์ที่ว่าเงินเยนจะอ่อนค่าลงอีกเนื่องจากส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยระหว่างญี่ปุ่นและสหรัฐปรับตัวกว้างขึ้น อันเป็นผลมาจากการดำเนินนโยบายการเงินที่สวนทางกัน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ