จีนส่งออกสินค้าไปยังรัสเซียน้อยลงอย่างมากในเดือนมี.ค. ซึ่งเป็นการปรับตัวลงครั้งแรกนับตั้งแต่กลางปี 2565 อันเนื่องมาจากที่สหรัฐขู่ว่าจะใช้มาตรการตอบโต้หากจีนให้ความช่วยเหลือรัสเซียในการรุกรานยูเครน
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานโดยอ้างแหล่งข่าวว่า ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน อาจจะหยิบยกประเด็นความจำเป็นในการเพิ่มปริมาณการค้ากับจีนเมื่อเขาพบปะเจรจากับประธานาธิบดีสี จิ้นผิงที่ประเทศจีนในเดือนหน้า อย่างไรก็ดี แหล่งข่าวระบุว่า รัสเซียมองว่าการชะลอตัวของการส่งออกดังกล่าวอาจเกิดขึ้นแค่เพียงชั่วคราวเท่านั้น
ข้อมูลด้านศุลกากรของจีนระบุว่า ยอดส่งออกจากจีนไปยังรัสเซียลดลงเกือบ 16% ในเดือนมี.ค. เมื่อเทียบเป็นรายปี โดยการส่งออกที่ชะลอตัวลงเกิดขึ้นในขณะที่รัสเซียกำลังเผชิญกับสถานการณ์ที่ยากลำบากมากขึ้นเกี่ยวกับการชำระหนี้ระหว่างประเทศ ท่ามกลางความเสี่ยงที่ว่าสหรัฐอาจจะคว่ำบาตรครั้งใหม่ต่อธนาคารพาณิชย์และบริษัทที่ถูกกล่าวหาว่าให้ความช่วยเหลือรัสเซียในการรุกรานยูเครน
อย่างไรก็ดี นายดมิทรี เพสคอฟ โฆษกทำเนียบเครมลินไม่ได้ออกมาแสดงความเห็นใด ๆ เกี่ยวกับรายงานดังกล่าว
มูลค่าการค้าระหว่างรัสเซียและจีนพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 2.40 แสนล้านดอลลาร์ในปี 2566 โดยได้แรงหนุนจากการที่จีนนำเข้าน้ำมันจากรัสเซียและส่งออกรถยนต์, เครื่องมือด้านอุตสาหกรรม และสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ ไปยังรัสเซีย
รัสเซียและจีนได้ประกาศความเป็นมิตรแบบไม่มีข้อจำกัด และนับจนถึงขณะนี้จีนยังคงให้ความช่วยเหลือรัสเซียในการรับมือกับผลกระทบจากการคว่ำบาตรจากนานาประเทศ นับตั้งแต่ปธน.ปูตินมีคำสั่งให้ส่งทหารเข้าทำสงครามในยูเครนในเดือนก.พ. 2565 ขณะที่นายเซอร์กี ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศของรัสเซียกล่าวว่า จีนและรัสเซียได้ตกลงที่จะร่วมมือกันเพื่อลดผลกระทบจากการคว่ำบาตรของสหรัฐและชาติพันธมิตรในระหว่างที่เขาพบปะกับนายหวัง อี้ รัฐมนตรีต่างประเทศของจีนที่กรุงปักกิ่งเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
ทางด้านนางเจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีคลังสหรัฐได้เดินทางไปยังประเทศจีนในสัปดาห์ที่แล้ว และเตือนว่าธนาคารพาณิชย์และผู้ส่งออกของจีนอาจจะเผชิญผลที่ร้ายแรงตามมา หากธนาคารและผู้ส่งออกเหล่านี้ให้การสนับสนุนขีดความสามารถทางทหารแก่รัสเซีย