สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ในการชี้แจงต่อคณะกรรมาธิการการคลังของวุฒิสภาสหรัฐ นางไท่กล่าวว่า สหรัฐจำเป็นต้องสร้างสภาพแวดล้อมการแข่งขันที่เป็นธรรมสำหรับแรงงานสหรัฐ และคำเรียกร้องของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐในการขึ้นภาษี "มาตรา 301" สำหรับเหล็กกล้าที่นำเข้าจากจีนนั้น หมายความว่า "เรากำลังอยู่ในขั้นตอนท้าย ๆ ของการทำงานร่วมกันระหว่างหน่วยงาน และดิฉันคาดว่าเราจะได้ข้อสรุปในเร็ว ๆ นี้"
นางไท่กล่าวว่า แนวปฏิบัติในการแข่งขันที่ไม่เป็นธรรมของจีน เช่น การที่รัฐบาลจีนให้เงินอุดหนุนจำนวนมหาศาลนั้น ได้ส่งเสริมให้เกิดการผลิตแผงโซลาร์เซลล์จนล้นตลาดเมื่อทศวรรษที่แล้ว ซึ่งส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อผู้ผลิตในสหรัฐ
นางไท่เตือนว่า ภาคอุตสาหกรรมยานยนต์และ EV ของสหรัฐในขณะนี้ก็กำลังเผชิญกับสถานการณ์ในลักษณะเดียวกัน หากไม่เข้าตรวจสอบคู่แข่งจากจีน ก็อาจทำให้สหรัฐสูญเสียความสามารถในการผลิตผลิตภัณฑ์ดังกล่าว
"ดังนั้น เราจึงต้องดำเนินการตั้งแต่เนิ่น ๆ ดำเนินการอย่างเด็ดขาด และเราต้องชัดเจนจริง ๆ ว่า ทำไมเราถึงดำเนินการเช่นนั้น เรากำลังมองหาสนามแข่งขันที่เท่าเทียมกัน เพราะสนามแข่งขันในปัจจุบันไม่เท่าเทียมกัน แม้จะมีการพูดถึงการค้าเสรีก็ตาม"
นางไท่กล่าวเสริมว่า พลวัตปัจจุบันในอุตสาหกรรม EV ทั่วโลกเป็นปัจจัยสำคัญในการตรวจสอบเครื่องมือทางการค้าของรัฐบาลไบเดน
ด้านสำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐ (USTR) ประกาศเมื่อวานนี้ว่า ได้เปิดการสอบสวนแนวปฏิบัติทางการค้าที่ไม่เป็นธรรมครั้งใหม่เกี่ยวกับ "การกระทำ นโยบาย และแนวปฏิบัติ" ของจีนเพื่อครอบงำภาคการขนส่งทางทะเล โลจิสติกส์ และการต่อเรือ
การสอบสวนดังกล่าวซึ่งรับคำร้องจากสหภาพแรงงานสหรัฐ 5 แห่ง จะดำเนินการภายใต้มาตรา 301 ของรัฐบัญญัติการค้าปี 2517 ซึ่งเป็นกฎหมายเดียวกับที่อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เคยใช้ในการเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนมูลค่าหลายแสนล้านดอลลาร์ในปี 2561
ทั้งนี้ วุฒิสมาชิกบางรายได้เรียกร้องให้นางไท่ใช้การทบทวนภาษีนำเข้าในมาตรา 301 ซึ่งเริ่มต้นในเดือนก.ย. 2565 เพื่อดำเนินการเรียกเก็บภาษีนำเข้าที่สูงขึ้นสำหรับรถ EV ที่ผลิตในจีน
นางไท่บอกกับคณะกรรมาธิการฯว่า การทบทวนและการปรับเปลี่ยนใด ๆ จะถูกนำเสนอเป็น "แพ็กเกจที่สมบูรณ์" และเธอมีความมั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่าแพ็กเกจดังกล่าวจะแล้วเสร็จในเร็ว ๆ นี้