ค่าเงินรูเปียห์ของอินโดนีเซียเคลื่อนไหวใกล้ระดับต่ำสุดที่เคยทำไว้ในช่วงที่โรคโควิด-19 แพร่ระบาด ซึ่งอาจกดดันให้ธนาคารกลางอินโดนีเซียตัดสินใจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อพยุงค่าเงิน
นักวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์เวลส์ฟาร์โก (Wells Fargo Securities) กล่าวว่า เงินรูเปียห์อ่อนค่าลงหลุดจากแนวรับที่ระดับ 16,000 รูเปียห์ต่อดอลลาร์ในสัปดาห์ที่แล้ว และมีแนวโน้มที่จะอ่อนค่าลงสู่ระดับ 16,500 รูเปียห์ต่อดอลลาร์ เนื่องจากตลาดคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะยังไม่ปรับลดอัตราดอกเบี้ยในอนาคตอันใกล้นี้ ขณะที่นักวิเคราะห์จากบริษัทบราวน์ บราเธอร์ส แฮร์รีแมน แอนด์ โค (Brown Brothers Harriman & Co.) คาดการณ์ว่ารูเปียห์จะดิ่งลงแตะระดับ 17,000 รูเปียห์ต่อดอลลาร์ภายในเดือนก.ย.ปีนี้
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า การอ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่องของเงินรูปีห์อาจจะเปิดทางให้ธนาคารกลางอินโดนีเซียตัดสินใจกลับมาดำเนินนโยบายคุมเข้มด้านการเงินอีกครั้งในการประชุมวันพุธนี้ (24 เม.ย.) หลังจากธนาคารกลางได้เข้าแทรกแซงตลาดปริวรรตเงินตราเพื่อสกัดการอ่อนค่าของเงินรูเปียห์
เทรดเดอร์หลายรายคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางอินโดนีเซียมีแนวโน้มที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในวันพุธนี้ เนื่องจากส่วนต่างระหว่างอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 2 ปีและอัตราดอกเบี้ยนโยบายของอินโดนีเซียพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนต.ค. 2566 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ธนาคารกลางอินโดนีเซียประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างเหนือความคาดหมาย
ในการประชุมครั้งหลังสุดเมื่อวันที่ 20 มี.ค.ที่ผ่านมา ธนาคารกลางอินโดนีเซียประกาศตรึงอัตราดอกเบี้ยซื้อคืนพันธบัตรโดยมีสัญญาขายคืน (reverse repurchase rate) ระยะเวลา 7 วัน ซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ไว้ที่ระดับ 6% ตามการคาดการณ์ นอกจากนี้ ธนาคารกลางอินโดนีเซียได้คงคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจอินโดนีเซียสำหรับปี 2567 ที่กรอบ 4.7%-5.5%