ราคาโรงแรมในญี่ปุ่นพุ่งขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบเกือบ 30 ปีในเดือนมี.ค. เนื่องจากเงินเยนอ่อนค่าและฤดูดอกซากุระบานได้ดึงดูดให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเยือนญี่ปุ่นสูงเป็นประวัติการณ์
โคสตาร์ กรุ๊ป (CoStar Group) บริษัทผู้ให้บริการข้อมูลแก่อุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์จากสหรัฐ ระบุว่า อัตราค่าห้องพักโรงแรมรายวันเฉลี่ยสำหรับเดือนมี.ค.อยู่ที่ 20,986 เยน (136 ดอลลาร์สหรัฐ) ซึ่งสูงสุดนับตั้งแต่เดือนส.ค. 2540 และเพิ่มขึ้นเกือบ 20% จากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ขณะเดียวกัน อัตราการเข้าพักโรงแรมเฉลี่ยปรับตัวขึ้นสู่ 78% ในเดือนมี.ค.
สำนักข่าวเจแปน ไทม์สของญี่ปุ่นรายงานว่า นักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเยือนญี่ปุ่นสูงเป็นประวัติการณ์ที่ 3.1 ล้านรายในเดือนมี.ค. โดยสาเหตุที่ทำให้ญี่ปุ่นกลายเป็นจุดหมายปลายทางที่น่าดึงดูดใจในกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติคือเงินเยนที่อ่อนค่าลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 34 ปีเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐและอยู่ในช่วงเทศกาลดอกซากุระบาน ซึ่งเป็นช่วงที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวอยู่แล้ว โดยนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเยือนญี่ปุ่นมากที่สุดมาจากเกาหลีใต้, ไต้หวัน และจีน
นางฮารูมิ ทางูจิ นักเศรษฐศาสตร์หลักของเอสแอนด์พี โกลบอล มาร์เก็ต อินเทลลิเจนซ์ (S&P Global Market Intelligence) ระบุว่า ปัจจัยที่ทำให้ราคาห้องพักโรงแรมพุ่งสูงขึ้นคือภาวะขาดแคลนแรงงานในญี่ปุ่น
"เพื่อให้สามารถรองรับอัตราการเข้าพักโรงแรมระดับสูงได้ในช่วงที่เกิดปัญหาขาดแคลนแรงงาน ค่าห้องพักโรงแรมต้องเพิ่มสูงขึ้น อุปสงค์ห้องพักที่เพิ่มสูงขึ้นมาจากนักท่องเที่ยวต่างชาติ ดังนั้นจึงง่ายที่จะปรับขึ้นราคาห้องพัก" นางทางูจิกล่าว
เงินเยนอ่อนค่าเป็นอีกปัจจัยหนุนให้นักท่องเที่ยวใช้จ่าย โดยการท่องเที่ยวญี่ปุ่นระบุว่านักท่องเที่ยวต่างชาติใช้จ่ายเงิน 1.75 ล้านล้านเยนในช่วงเดือนม.ค.-มี.ค. ซึ่งเพิ่มขึ้น 52% จากปี 2562 ขณะเดียวกัน นักท่องเที่ยวยังแห่ซื้อสินค้าหรูหราในราคาย่อมเยาอีกด้วย
"หากอุปสงค์นักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มสูงขึ้นต่อไป ราคาห้องพักโรงแรมอาจปรับตัวขึ้นตามไปด้วย และด้วยเงินเยนที่อ่อนค่าลง นักท่องเที่ยวจึงยังสามารถจ่ายค่าห้องพักได้อย่างสบาย ๆ" นางทางูจิกล่าว