รัฐบาลมาเลเซียเปิดเผยในวันนี้ (22 เม.ย.) ว่า มาเลเซียมีแผนสร้างสวนอุตสาหกรรมออกแบบวงจรรวม (IC) ที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และเสนอสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ รวมถึงการลดหย่อนภาษี เงินอุดหนุน และค่าธรรมเนียมการยกเว้นวีซ่า เพื่อดึงดูดบริษัทเทคโนโลยีและนักลงทุนทั่วโลก
มาเลเซียตั้งเป้าที่จะพลิกโฉมกรุงกัวลาลัมเปอร์ให้กลายเป็นศูนย์กลางทางดิจิทัลระดับภูมิภาค โดยมีเป้าหมายที่จะติดอันดับ 20 ประเทศแรกในดัชนีสตาร์ตอัป อีโคซิสเต็ม (startup ecosystem index) ของโลกภายในปี 2573
นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซียระบุว่า แผนสร้างสวนอุตสาหกรรมออกแบบวงจรรวมนี้ เป็นส่วนหนึ่งของความพยายามของมาเลเซียในการผลักดันประเทศให้ก้าวไปไกลกว่าการประกอบและการทดสอบชิปในกระบวนการ "ส่วนหลัง" (back end) สู่งานออกแบบมูลค่าสูงในระดับ "ส่วนหน้า" (front end)
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า มาเลเซียเป็นประเทศสำคัญในอุตสาหกรรมชิปเซมิคอนดักเตอร์ โดยครองสัดส่วนราว 13% ของตลาดโลกด้านการบรรจุ ประกอบ และทดสอบชิป
ทั้งนี้ นายอันวาร์เปิดเผยโดยไม่ได้ให้รายละเอียดเพิ่มเติมว่า สวนอุตสาหกรรมดังกล่าว ซึ่งจะได้รับการสนับสนุนจากรัฐสลังงอร์ จะเป็นที่ตั้งของบรรดาบริษัทชั้นนำระดับโลกเข้ามาเป็นผู้เช่าหลัก และร่วมมือกับบริษัทระดับโลกอื่น ๆ เช่น อาร์ม โฮลดิงส์ (Arm Holdings) บริษัทผู้ผลิตชิปสัญชาติอังกฤษ
นอกจากนี้ นายอันวาร์ยังกล่าวในงาน KL20 Summit ว่า กองทุนความมั่งคั่งของมาเลเซีย คาซานาห์ เนชั่นแนล (Khazanah Nasional) จะสนับสนุนเงินทุนเพื่อลงทุนในบริษัทมาเลเซียที่มีนวัตกรรมและมีการเติบโตสูง ด้วยการจัดสรรเงินสนับสนุนเบื้องต้นที่ 1 พันล้านริงกิต (209 ล้านดอลลาร์) โดยมีเป้าหมายที่จะเปิดตัวนโยบายใหม่เพื่อสนับสนุนสตาร์ตอัปของมาเลเซีย
นายราฟิซี รามลี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเศรษฐกิจมาเลเซีย กล่าวว่า รัฐบาลจะเสนอสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ เช่น การมอบเงินอุดหนุนพื้นที่สำนักงาน การยกเว้นค่าธรรมเนียมใบอนุญาตทำงาน บริการย้ายถิ่นฐาน และการลดอัตราภาษีนิติบุคคลแก่บริษัทร่วมทุน (VC) จากต่างประเทศ ผู้ประกอบการด้านเทคโนโลยี และสตาร์ตอัประดับยูนิคอร์น (มีมูลค่าเกิน 1 พันล้านดอลลาร์) ที่สนใจจะมาลงทุนในมาเลเซีย
นายราฟิซีกล่าวว่า "เราตั้งใจที่จะดึงดูดสตาร์ตอัปยูนิคอร์นทั่วโลกเข้ามาในมาเลเซีย เพื่อสร้างงานที่มีทักษะและมูลค่าสูง นอกเหนือจากการพัฒนาผู้ประกอบการและผู้นำระดับสูงด้านเทคโนโลยีในอนาคต"