บริษัทเทสลา อิงค์ ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้ารายใหญ่ของสหรัฐเปิดเผยว่า กำไรต่อหุ้นในไตรมาส 1/2567 อยู่ที่ 45 เซนต์ ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์ในโพลสำรวจของแอลเอสอีจี (LSEG) คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 51 เซนต์
ส่วนรายได้อยู่ที่ 2.130 หมื่นล้านดอลลาร์ ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 2.215 หมื่นล้านดอลลาร์ โดยรายได้ในไตรมาส 1 ปรับตัวลงจากระดับ 2.333 หมื่นล้านดอลลาร์ เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว ขณะที่กำไรสุทธิลดลง 55% สู่ระดับ 1.13 พันล้านดอลลาร์ จากระดับ 2.51 พันล้านดอลลาร์ในช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว
สำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานว่า แม้เทสลาเปิดเผยกำไรและรายได้ที่ต่ำกว่าคาดเนื่องจากบริษัทเผชิญกับผลกระทบของการปรับลดราคารถยนต์ แต่ราคาหุ้นเทสลาพุ่งขึ้น 11% ในการซื้อขายนอกเวลาทำการที่ตลาดหุ้นนิวยอร์กช่วงเช้าวันนี้ หลังจากที่นายอีลอน มัสก์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของเทสลากล่าวว่า การผลิตรถยนต์ไฟฟ้า (EV) รุ่นใหม่ที่มีราคาถูกนั้น อาจจะเริ่มดำเนินการเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้
ทั้งนี้ นายมัสก์กล่าวภายหลังจากเทสลาแถลงผลประกอบการว่า ทางบริษัทวางแผนที่จะเริ่มการผลิตรถยนต์ EV รุ่นใหม่ในช่วงต้นปี 2568 หลังจากที่ก่อนหน้านี้เคยคาดการณ์ไว้ว่าจะเริ่มดำเนินการผลิตในช่วงครึ่งหลังของปี 2568
นอกจากนี้ นายมัสก์ยังระบุถึงการลงทุนของเทสลาในโครงสร้างพื้นฐานปัญญาประดิษฐ์ (AI) และกล่าวว่าบริษัทกำลังเจรจากับ "ผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่รายหนึ่ง" ในการออกใบอนุญาตให้ใช้ระบบช่วยการขับขี่ของเทสลา ซึ่งระบบดังกล่าวได้มีการทำตลาดในสหรัฐเป็นออปชัน Full Self-Driving หรือ FSD