การแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดนกลดน้อยลงเกือบตลอดปี 2566 แต่การกลับมาระบาดอีกครั้งในโรงงานสัตว์ปีกทั่วสหรัฐ ญี่ปุ่น และประเทศอื่น ๆ เมื่อไม่นานมานี้ ได้ส่งผลให้ราคาไข่พุ่งทะยานขึ้นอีกครั้ง
เดวิด แอนเดอร์สัน ศาสตราจารย์และนักเศรษฐศาสตร์ด้านอาหารประจำภาควิชาเศรษฐศาสตร์การเกษตรแห่งมหาวิทยาลัยเท็กซัส เอแอนด์เอ็ม กล่าวว่า "สาเหตุที่ทำให้ราคาไข่พุ่งขึ้นอย่างมากนั้น เป็นเพราะโรคไข้หวัดนกชนิดก่อโรครุนแรง (HPAI) ที่เกิดขึ้นในฟาร์มไข่และส่งผลให้ไก่ล้มตาย อีกทั้งยังทำให้การผลิตไข่ลดน้อยลงด้วย"
ข้อมูลจากกระทรวงเกษตรสหรัฐระบุว่า ในสหรัฐนั้น ไก่ไข่ (egg-laying chickens) กว่า 14 ล้านตัวล้มตายลงในช่วงเดือนพ.ย.-ธ.ค. 2566 เนื่องจากติดเชื้อไข้หวัดนก และในช่วง 30 วันที่แล้ว มีไก่กว่า 8 ล้านตัวในฟาร์มเลี้ยงของสหรัฐยังคงติดเชื้อไข้หวัดนก
ในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา บริษัทแคล-เมน ฟู้ดส์ (Cal-Maine Foods) ซึ่งเป็นผู้ผลิตไข่ไก่รายใหญ่ที่สุดของสหรัฐ ได้ระงับการผลิตชั่วคราว และกำจัดไก่มากกว่า 1 ล้านตัวที่โรงงานแห่งหนึ่งหลังจากโรคไข้หวัดนกแพร่ระบาด
แนน-เดิร์ก มัลเดอร์ นักวิเคราะห์อาวุโสจากธนาคารโรโบแบงก์ซึ่งเป็นธนาคารเพื่อการเกษตร เปิดเผยกับสำนักข่าวซีเอ็นบีซีว่า หลายประเทศและภูมิภาคทั่วโลก เช่น สหรัฐ สหภาพยุโรป รัสเซีย แอฟริกาใต้ อินเดีย และไนจีเรีย ต่างก็เผชิญกับราคาไข่ที่พุ่งสูงเป็นประวัติการณ์
ในสหรัฐนั้น ราคาไข่เกรด A ซึ่งเป็นไข่ขนาดใหญ่มีราคาสูงถึงโหลละ 2.41 ดอลลาร์แล้วในขณะนี้ ซึ่งพุ่งขึ้น 10% นับตั้งแต่ต้นปี ส่วนในประเทศญี่ปุ่นนั้น พบการติดเชื้อไข้หวัดนกในฟาร์มสัตว์ปีกในหลายจังหวัด โดยมีไก่จำนวนหลายแสนตัวติดเชื้อดังกล่าว
ทั้งนี้ ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มีอัตราการบริโภคไข่ต่อประชากรหนึ่งคนมากเป็นอันดับ 2 ของโลก และไข่ถือเป็นส่วนประกอบสำคัญในการปรุงอาหารญี่ปุ่น โดยราคาไข่ขนาดกลางในญี่ปุ่นพุ่งขึ้น 20% จากระดับ 179 เยน (1.16 ดอลลาร์)/กิโลกรัมในช่วงต้นปีนี้ สู่ระดับราว 218 เยน/กิโลกรัมเมื่อวันที่ 17 เม.ย.