นายอีลอน มัสก์ มหาเศรษฐีเจ้าของบริษัทเทสลา (Tesla) เดินทางเยือนจีนโดยไม่มีการแจ้งล่วงหน้าในวันอาทิตย์ (28 เม.ย.) เพื่อขอให้จีนอนุมัติการใช้งานซอฟต์แวร์ช่วยเหลือผู้ขับขี่ ซึ่งอาจช่วยยับยั้งไม่ให้รายได้ของเทสลาลดลงไปมากกว่านี้
รายงานระบุว่า นายมัสก์ได้พบกับนายกรัฐมนตรีหลี่ เฉียง ซึ่งเป็นผู้ที่มีส่วนช่วยให้เทสลาสามารถตั้งโรงงานในจีน ซึ่งเป็นโรงงานชั้นนำระดับโลกในตอนนี้
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานโดยอ้างอิงแหล่งข่าวว่า นายมัสก์พบกับเจ้าหน้าที่จีนเพื่อหารือเกี่ยวกับการเปิดตัวระบบ Full Self-Driving หรือ FSD ในจีน แม้ว่าระบบดังกล่าวไม่ได้ทำให้เทสลาเป็นรถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติโดยสมบูรณ์ แต่บริษัทก็กวาดรายได้เพิ่มขึ้นในสหรัฐอเมริกาจากการเรียกเก็บค่าซอฟต์แวร์ FSD ในราคา 8,000 ดอลลาร์ หรือค่าสมัครสมาชิกเพื่อใช้งานในราคา 99 ดอลลาร์ต่อเดือน
อย่างไรก็ตาม การอนุมัติให้ใช้ซอฟต์แวร์ FSD ในจีนมีความซับซ้อน เนื่องจากความละเอียดอ่อนเกี่ยวกับการใช้กล้องของระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ ตลอดจนข้อกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของเทคโนโลยีดังกล่าว
สถานีโทรทัศน์ซีซีทีวีของจีนรายงานว่า นายมัสก์ได้พบกับนายหลี่ภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมงหลังจากเดินทางถึงกรุงปักกิ่ง โดยนายหลี่กล่าวว่า จีนยินดีต้อนรับบริษัทต่างชาติเสมอ และเสริมว่าเทสลาเป็นตัวอย่างความสำเร็จของความร่วมมือระหว่างจีนกับสหรัฐ ด้านนายมัสก์กล่าวกับนายหลี่ว่า เทสลายินดีที่จะกระชับความร่วมมือกับจีนให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น
ทั้งนี้ นายมัสก์เดินทางเยือนจีนในเวลาไม่นานหลังจากที่เขาเลื่อนแผนการเดินทางเยือนอินเดีย ซึ่งเดิมทีเขามีกำหนดพบกับนายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดี ผู้นำอินเดีย โดยนายมัสก์ให้เหตุผลว่าเป็นเพราะ "ภาระผูกพันอันหนักอึ้งของเทสลา"
อนึ่ง ระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่มีการใช้งานมากขึ้นเรื่อย ๆ ในจีน โดยแบรนด์รถยนต์ในประเทศ เช่น เสี่ยวเผิง (Xpeng), เสียวหมี่ (Xiaomi) และหัวเว่ย (Huawei) ต่างก็ชูลูกเล่นดังกล่าวเป็นจุดขายเช่นเดียวกัน