นายเชห์บาซ ชารีฟ นายกรัฐมนตรีปากีสถาน กล่าวในวันนี้ (30 เม.ย.) ว่า กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ได้มอบเงินกู้ให้แก่ปากีสถานเป็นจำนวน 1.1 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งจะช่วยให้ปากีสถานมีเสถียรภาพทางเศรษฐกิจมากขึ้น
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า เงินกู้ดังกล่าวถือเป็นงวดที่สองและงวดสุดท้ายของโครงการเงินกู้ Stand-by Arrangement (SBA) มูลค่า 3 พันล้านดอลลาร์ ระหว่างปากีสถานกับ IMF ซึ่งทำไว้เมื่อช่วงฤดูร้อนปีที่แล้วเพื่อช่วยป้องกันการผิดนัดชำระหนี้ของรัฐ
"เงินกู้เบิกจ่ายครั้งนี้จะนำมาซึ่งเสถียรภาพทางเศรษฐกิจที่มากขึ้นในปากีสถาน" นายชารีฟกล่าวในแถลงการณ์จากสำนักนายกฯ พร้อมเสริมว่าโครงการ SBA มีความสำคัญในการช่วยปากีสถานจากการผิดนัดชำระหนี้ต่างประเทศ
ด้านคณะกรรมการบริหารของ IMF อนุมัติเงินกู้เบิกจ่ายงวดสุดท้ายนี้เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (29 เม.ย.)
การอนุมัติครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากที่นายชารีฟได้หารือเกี่ยวกับโครงการเงินกู้ใหม่กับนางคริสตาลินา กอร์เกียวา กรรมการผู้จัดการ IMF ณ เวทีการประชุมเศรษฐกิจโลกในกรุงริยาด
ทั้งนี้ ปากีสถานกำลังมองหาข้อตกลง Extended Fund Facility (EFF) ฉบับใหม่กับ IMF โดยเป็นข้อตกลงที่มีวงเงินกู้มากกว่าเดิมและให้ระยะเวลาชำระคืนยาวนานขึ้น
ก่อนหน้านี้ นายมูฮัมหมัด ออรังเซบ รัฐมนตรีคลังของปากีสถานกล่าวว่า ปากีสถานอาจบรรลุข้อตกลงระดับเจ้าหน้าที่กับ IMF เกี่ยวกับโครงการเงินกู้ใหม่นี้ได้ภายในต้นเดือนก.ค.นี้ อย่างไรก็ดี นายออรังเซบไม่ได้ให้รายละเอียดว่าปากีสถานจะขอกู้เงินเป็นจำนวนเท่าไร
ด้านรัฐบาลปากีสถานกล่าวว่า กำลังมองหาสินเชื่อกู้ที่มีระยะเวลาอย่างน้อย 3 ปี เพื่อช่วยให้ประเทศบรรลุเสถียรภาพทางเศรษฐกิจมหภาคและสามารถดำเนินการปฏิรูปโครงสร้างที่ควรจะต้องทำมานานแล้ว
ทั้งนี้ ปากีสถานยังไม่ได้ยื่นคำขออย่างเป็นทางการ แต่ IMF และทางรัฐบาลปากีสถานกำลังอยู่ระหว่างการหารือ หากได้รับอนุมัติ ก็จะถือเป็นการกู้เงินจาก IMF เป็นครั้งที่ 24 ของปากีสถาน
เศรษฐกิจปากีสถานซึ่งมีมูลค่า 3.5 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ กำลังเผชิญกับวิกฤตดุลการชำระเงินเรื้อรัง โดยมีภาระหนี้และดอกเบี้ยที่จะต้องชำระคืนในปีงบประมาณหน้าเกือบ 2.4 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งมากกว่าเงินสำรองระหว่างประเทศของธนาคารกลางปากีสถานถึง 3 เท่า