ขณะเดียวกัน โตโยต้าเปิดเผยว่ายอดขายรถยนต์ทั่วโลกอยู่ที่กว่า 10.3 ล้านคัน ซึ่งเป็นระดับสูงสุดตลอดกาล และเพิ่มขึ้น 7.3% จากปีก่อนหน้า โดยได้แรงหนุนจากอุปสงค์ที่แข็งแกร่งในอเมริกาเหนือ ยุโรป และญี่ปุ่น ขณะที่ยอดขายในพื้นที่ต่าง ๆ ของเอเชีย เช่น จีน ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และอินเดีย เท่ากับปีก่อนหน้าที่ 3.3 ล้านคัน
นอกจากนี้ โตโยต้าคาดการณ์ว่ากำไรสุทธิสำหรับปีงบการเงิน 2567 อาจลดลง 27.8% สู่ประมาณ 3.6 ล้านล้านเยน เทียบกับปีก่อนหน้า
สำนักข่าวนิกเกอิ เอเชียรายงานว่า อุปสงค์รถยนต์ไฮบริดของโตโยต้าแข็งแกร่งเป็นพิเศษนอกญี่ปุ่น และโตโยต้ากำลังวางแผนเพิ่มการผลิตรถยนต์พลังงานไฟฟ้า (EV) โดยเมื่อไม่นานมานี้โตโยต้าได้ประกาศแผนทุ่มเม็ดเงินลงทุน 1.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐเพื่อเริ่มผลิตรถ EV ที่โรงงานในสหรัฐในปี 2569
ในไตรมาส 4/2566 (ม.ค.-มี.ค. 2567) โตโยต้ามีกำไรจากการดำเนินงาน 1.11 ล้านล้านเยน (7.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) โดยได้แรงหนุนจากเงินเยนที่อ่อนค่าและยอดขายที่แข็งแกร่ง เทียบกับ 6.269 แสนล้านเยนในช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า และ 7.473 แสนล้านเยนตามการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ในผลสำรวจที่จัดทำโดยแอลเอสอีจี (LSEG)