สภาหอการค้าสหภาพยุโรปในจีน (EUCCC) เผยแพร่ผลสำรวจในวันนี้ (10 พ.ค.) ระบุว่า บริษัทยุโรปที่ดำเนินธุรกิจในจีนกำลังเผชิญกับความยากลำบากในการทำกำไร เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซาและแรงกดดันที่เพิ่มขึ้นจากกำลังการผลิตที่สูงเกินไป
ในเมืองใหญ่อย่างเซี่ยงไฮ้นั้น บริษัทยุโรปที่เป็นสมาชิกของ EUCCC ได้รายงานถึงความล่าช้าในการรับการชำระหนี้ เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว นายคาร์โล ดีอันเดรีย หัวหน้าในการจัดทำผลสำรวจกล่าว
"รัฐวิสาหกิจได้เลื่อนการชำระหนี้ ซึ่งรวมถึงรัฐวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม " นายดีอันเดรียกล่าวเสริม โดยอ้างอิงความคิดเห็นของสมาชิก
สำนักข่าวซีเอ็นบีรายงานว่า เศรษฐกิจจีนชะลอตัวในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ท่ามกลางความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ อีกทั้งภาวะตกต่ำของภาคอสังหาริมทรัพย์ซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับการเงินของรัฐบาลท้องถิ่น โดยปัจจัยเหล่านี้เป็นตัวฉุดรั้งเศรษฐกิจจีน
ผลการสำรวจพบว่า มีบริษัทยุโรปเพียง 30% ระบุว่าอัตรากำไร (profit margins) ของธุรกิจในจีนสูงกว่าอัตรากำไรเฉลี่ยทั่วโลกของบริษัท โดยผลสำรวจดังกล่าวเป็นการสอบถามความคิดเห็นของสมาชิก 529 รายและดำเนินธุรกิจในจีนตั้งแต่กลางเดือนม.ค.-ต้นเดือนก.พ.
นอกจากนี้ แบบสอบถามในปีนี้ยังเพิ่มคำถามที่ว่า สมาชิกประสบปัญหาในการโอนเงินปันผลไปยังสำนักงานใหญ่ของตนหรือไม่ โดยมากกว่า 70% กล่าวว่าไม่มีปัญหาใดๆ แต่ 4% ระบุว่าไม่สามารถโอนได้ และประมาณ 1 ใน 4 กล่าวว่าพวกเขาประสบปัญหาหรือความล่าช้าบางรูปแบบ
ก่อนหน้านี้ หอการค้าอเมริกันในประเทศจีนเปิดเผยผลสำรวจระบุว่า ความตึงเครียดระหว่างจีนและสหรัฐยังคงเป็นประเด็นที่น่ากังวลมากที่สุดสำหรับบริษัทอเมริกันที่ดำเนินธุรกิจในประเทศจีน
ผลสำรวจดังกล่าวบ่งชี้ว่า บริษัทสหรัฐหลายแห่งมองว่า นโยบายที่ไม่มีความต่อเนื่องและไม่ชัดเจน, ต้นทุนแรงงานที่ปรับตัวสูงขึ้น และประเด็นความปลอดภัยของข้อมูล ถือเป็นหนึ่งในปัจจัยที่สร้างความกังวล ขณะเดียวกันบริษัทเหล่านี้มองว่า แม้บรรดาผู้นำของจีนยืนยันว่าจีนเปิดรับธุรกิจต่างชาติ แต่บริษัทจำนวนมากยังคงถูกขัดขวางจากการแข่งขันอย่างเสรี
รายงานของหอการค้าอเมริกันระบุว่า "รัฐบาลจีนเคยระบุว่าจะส่งเสริมการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ แต่บริษัทที่เป็นสมาชิกหอการค้าของเรายังคงเผชิญกับอุปสรรคในการลงทุนและการดำเนินธุรกิจ ซึ่งรวมถึงนโยบายที่เลือกปฏิบัติต่อพวกเขา และการรณรงค์ด้านประชาสัมพันธ์ของจีนที่ชวนให้เกิดข้อสงสัยสำหรับชาวต่างชาติ"