บริษัทหัวเว่ย เทคโนโลยี่ส์ ซึ่งเป็นบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ของจีน กำลังปรับกลยุทธ์ด้านค้าปลีกและเปิดร้านค้าทางการ (Flagship Store) ในจีนเพิ่มขึ้นอย่างมาก ซึ่งร้านบางแห่งตั้งอยู่ใกล้กับร้านของบริษัทแอปเปิ้ล โดยความเคลื่อนไหวดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่าหัวเว่ยกำลังพยายามแซงหน้าแอปเปิ้ลขึ้นเป็นเจ้าตลาดในจีนซึ่งเป็นตลาดสมาร์ตโฟนใหญ่ที่สุดในโลก
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า เมื่อไม่นานมานี้หัวเว่ยได้ทำการปรับปรุงร้านแห่งใหม่บนอาคาร 3 ชั้นที่มีสถาปัตยกรรมอันงดงามแห่งหนึ่งในย่านชอปปิงที่คึกคักของนครเซี่ยงไฮ้ โดยอาคารแห่งนี้มีร้านกาแฟและยิมตั้งอยู่ด้วย แต่ที่น่าจับตาคือร้านของหัวเว่ยแห่งนี้ตั้งอยู่ตรงข้ามกับร้านของแอปเปิ้ลอย่างเห็นได้ชัด
หัวเว่ยเปิดร้านค้าในลักษณะเช่นนี้ 4 แห่งในเมืองใหญ่หลายแห่งของจีนในช่วงเดือนธ.ค. 2566 - ก.พ. 2567 ซึ่งเป็นการทำตลาดเชิงรุกในลักษณะเดียวกับบริษัทส่วนใหญ่ที่พึ่งพาผู้จัดจำหน่ายที่มีใบอนุญาต (licensed distributor) นอกจากนี้ จำนวนร้านของหัวเว่ยยังเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงที่จีนถูกสหรัฐคว่ำบาตรในปี 2562 ซึ่งมาตรการดังกล่าวส่งผลให้ธุรกิจสมาร์ตโฟนของหัวเว่ยได้รับผลกระทบเป็นเวลา 4 ปี จนกระทั่งบริษัทสามารถหาแหล่งซื้อชิ้นส่วนสมาร์ตโฟนในประเทศมาทดแทนได้
"ร้านของหัวเว่ยดูดีมาก ดูสว่างกว่าเมื่อเทียบกับร้านของแอปเปิ้ลที่อยู่บนถนนฝั่งตรงข้าม" เอมี่ เฉิน นักกายภาพบำบัดวัย 27 ปีที่เข้าเยี่ยมชมร้านของหัวเว่ยในเซี่ยงไฮ้กล่าว โดยเอมี่เข้ามายังร้านแห่งนี้เพื่อเปลี่ยน iPhone 15 Pro มาใช้สมาร์ตโฟนของหัวเว่ยรุ่น Pure 70 Ultra ตัวเรือธง ด้วยความหวังว่าสมาร์ตโฟนของหัวเว่ยจะรับสัญญาณมือถือได้ดีกว่า