กระทรวงพาณิชย์จีนออกแถลงการณ์โจมตีรัฐบาลสหรัฐที่ประกาศขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนเป็นวงกว้าง และประกาศว่าจะใช้มาตรการตอบโต้การกระทำดังกล่าว อย่างไรก็ดี กระทรวงพาณิชย์จีนไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับมาตรการตอบโต้
"จีนจะใช้มาตรการตอบโต้อย่างแน่นอน เพื่อปกป้องสิทธิและผลประโยชน์ของเรา สหรัฐควรแก้ไขสิ่งนี้โดยเร็วและควรยกเลิกการตัดสินใจปรับขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนในทันที" กระทรวงพาณิชย์จีนระบุในแถลงการณ์
ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐประกาศแผนการปรับขึ้นภาษีนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้า (EV) จากจีนขึ้น 4 เท่า สู่ระดับ 100% ในปี 2567 พร้อมประกาศว่าจะปรับขึ้นภาษีนำเข้าโซลาร์เซลจากจีน 2 เท่า สู่ระดับ 50% ในปี 2567 และปรับขึ้นภาษีนำเข้าเซมิคอนดักเตอร์ขึ้น 2 เท่า สู่ระดับ 50% ภายในปี 2568 นอกจากนี้ จะปรับขึ้นภาษีนำเข้าเหล็กและอลูมิเนียมจากจีนอีก 3 เท่า สู่ระดับ 25% ในปี 2567
"การปรับขึ้นภาษีนำเข้าซึ่งจะมีผลบังคับใช้กับสินค้านำเข้าจากจีนมูลค่าราว 1.8 หมื่นล้าดอลลาร์นั้น มีเป้าหมายที่จะป้องกันไม่ให้จีนคุกคามแรงงานในภาคการผลิตของสหรัฐและตัดราคาสินค้าในอุตสาหกรรมต่าง ๆ ของสหรัฐ" ปธน.ไบเดนกล่าวเมื่อวานนี้ (14 พ.ค.)
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า จีนมองว่าการที่สหรัฐปรับขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจีนเป็นการสร้างกระแสทางการเมือง ก่อนที่การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐจะมีขึ้นในเดือนพ.ย.ปีนี้
ข่าวดังกล่าวส่งผลให้ราคาหุ้นบริษัทเซมิคอนดักเตอร์และบริษัทรถยนต์ EV ของจีนร่วงลงในวันนี้ ซึ่งรวมถึงหุ้นเซมิคอนดักเตอร์ เมนูแฟคเจอริง อินเตอร์เนชันแนล กรุ๊ป ร่วงลง 1.8% หุ้นหลงจี กรีน เอนเนอร์จี เทคโนโลยี ลดลง 0.4% และหุ้น BYD ผู้ผลิตรถ EV รายใหญ่ของจีน ร่วงลง 1.7%
ในขณะที่การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐจะเปิดฉากขึ้นในเดือนพ.ย.ปีนี้ ปธน.ไบเดนได้พยายามโน้มน้าวให้ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งเชื่อว่า เขามีความสามารถในการบริหารเศรษฐกิจได้ดีกว่าอดีตปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ อีกทั้งสามารถสร้างความแข็งแกร่งให้กับตลาดแรงงาน และให้คำมั่นสัญญาว่าจะปกป้องคนงานชาวอเมริกันหากเขาได้รับการเลือกตั้งให้เป็นปธน.สหรัฐอีกสมัย
"คนงานชาวอเมริกันสามารถทำงานได้ดีกว่าและมีการแข่งขันที่ดีกว่าคนงานของประเทศอื่น ตราบเท่าที่การแข่งขันเป็นไปอย่างยุติธรรม แต่การแข่งขันไม่มีความเป็นธรรมมาเป็นระยะเวลาที่นานเกินไปแล้ว และเป็นเวลานานหลายปีที่รัฐบาลจีนได้ทุ่มเงินให้กับบริษัทต่าง ๆ ของจีนในทุกภาคส่วนอุตสาหกรรม"
"การที่สินค้าจีนจำนวนมากทะลักเข้าสู่ตลาดโลกได้ทำให้ราคาสินค้าตกต่ำอย่างไม่เป็นธรรม และส่งผลให้กลุ่มผู้ผลิตของประเทศอื่น ๆ ทั่วโลกพากันถอนตัวออกจากธุรกิจ" ปธน.ไบเดนกล่าว และระบุถึงการกระทำดังกล่าวของจีนว่า เป็นการคดโกง มากกว่าที่จะเป็นการแข่งขัน