กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) เปิดเผยในวันนี้ (17 พ.ค.) ว่า การฟื้นตัวในภาคการผลิต การท่องเที่ยว และการบริการจะช่วยกระตุ้นการเติบโตของเศรษฐกิจสิงคโปร์ โดยคาดการณ์ว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของสิงคโปร์จะขยายตัว 2.1% ในปี 2567 ซึ่งเพิ่มขึ้นจากระดับ 1.1% ในปี 2566
นายมาซาฮิโร โนซากิ หัวหน้าทีมวิจัยของ IMF ซึ่งเดินทางไปยังสิงคโปร์ในวันที่ 7-16 พ.ค.คาดการณ์ว่า อัตราเงินเฟ้อทั่วไปและอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานของสิงคโปร์จะอยู่ในระดับปานกลางที่ 3% ในปี 2567 และคาดว่าอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานจะอยู่ที่ระดับประมาณ 2% ภายในปี 2568
นายโนซากิระบุว่า ภาวะเงินเฟ้อสูงจะยังคงดำเนินต่อไป เนื่องจากความผันผวนของราคาพลังงานและอาหารทั่วโลก รวมถึงต้นทุนแรงงานที่เพิ่มขึ้นด้วย
นอกจากนี้ นายโนซากิเรียกร้องให้ทางการสิงคโปร์ยังคงดำเนินนโยบายการเงินที่เข้มงวดไว้จนกว่าแรงกดดันด้านเงินเฟ้อจะผ่อนคลายลง และจากนั้นจึงค่อยปรับนโยบายการเงินเมื่อพิจารณาแล้วเห็นว่าเงินเฟ้อเริ่มชะลอตัวลง
นายโนซากิเสริมว่า สิงคโปร์ซึ่งมีการเงินสาธารณะที่แข็งแกร่งและมีกฎเกณฑ์ด้านงบประมาณที่สมดุลนั้น สามารถจัดการกับความเสี่ยงขาลงที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต รวมถึงความจำเป็นด้านการใช้จ่ายในระยะกลางถึงระยะยาวอันเนื่องมาจากวิกฤตประชากรสูงวัย, การเพิ่มผลผลิต และการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ