นายเจมี ไดมอน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) ของธนาคารเจพีมอร์แกน เชส กล่าวในระหว่างการประชุมประจำปีว่า ราคาหุ้นเจพีมอร์แกนในขณะนี้อยู่ในระดับที่สูงเกินไป และเจพีมอร์แกนอาจจะไม่ซื้อหุ้นคืนในราคาที่ระดับปัจจุบัน
"ผมขอแจ้งให้ทราบอย่างชัดเจนว่า เราจะไม่ซื้อหุ้นคืนในราคาที่ระดับปัจจุบัน" นายไดมอนกล่าวกับนักลงทุนที่เข้าร่วมการประชุมประจำปีของเจพีมอร์แกนเมื่อวานนี้ (20 พ.ค.)
นอกจากนี้ นายไดมอนยังได้ส่งสัญญาณในระหว่างการประชุมดังกล่าวว่า เขาจะเกษียณอายุการทำงานเร็วกว่าที่เคยประกาศไว้ก่อนหน้านี้ ส่วนวันเวลาที่ชัดเจนเกี่ยวกับการเกษียณของเขานั้น จะขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของบอร์ดบริหารของเจพีมอร์แกน
สำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานว่า ในการซื้อขายที่ตลาดหุ้นนิวยอร์กเมื่อวานนี้ ราคาหุ้นเจพีมอร์แกนทะยานขึ้นแตะระดับสุงสุดในรอบ 52 สัปดาห์ที่ระดับ 205.88 ดอลลาร์ในระหว่างวัน ก่อนที่ราคาหุ้นจะร่วงลง 4.5% ปิดที่ระดับ 195.58 ดอลลาร์ หลังจากนายไดมอนส่งสัญญาณว่าเจพีมอร์แกนจะไม่ซื้อหุ้นคืนและอาจจะเกษียณอายุงานก่อนกำหนด
เมื่อไม่นานมานี้ นายไดมอนได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐในช่วง 2 ปีข้างหน้า เนื่องจากผลกระทบที่เกิดจากความเสี่ยงทั้งในด้านการเงินและภูมิรัฐศาสตร์ โดยเขาแสดงความเห็นดังกล่าวกับผู้สื่อข่าวของซีเอ็นบีซี นอกรอบการประชุม World Economic Forum (WEF) ที่เมืองดาวอส ประเทศสวิตเซอร์แลนด์
"ปัจจัยที่จะมีผลกระทบได้แก่ สถานการณ์ในยูเครน, การก่อการร้ายในอิสราเอลและทะเลแดง และการใช้นโยบายคุมเข้มด้านการเงินเชิงปริมาณ (QT) ซึ่งเป็นนโยบายที่ผมเองก็ยังคงมีคำถามว่าเราเข้าใจแนวทางนี้ได้ดีพอหรือไม่ก่อนที่จะนำมาใช้" นายไดมอนกล่าว โดย QT หมายถึงการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ทำการปรับลดงบดุลบัญชีและลดการดำเนินนโยบายที่เคยนำมาใช้ก่อนหน้านี้ ซึ่งรวมถึงโครงการซื้อพันธบัตรรัฐบาล
นายไดมอนยังคงแสดงความไม่มั่นใจเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐเช่นเดียวกับในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา แม้ว่าเจพีมอร์แกนซึ่งเป็นธนาคารรายใหญ่สุดของสหรัฐจะสามารถทำกำไรสูงสุดเป็นประวัติการณ์ และแม้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐทำผลงานได้ดีสวนทางกับการคาดการณ์ก็ตาม โดยเศรษฐกิจได้แรงหนุนจากการที่ชาวอเมริกันส่วนใหญ่ยังคงจับจ่ายใช้สอย เนื่องจากการจ้างงานอยู่ในระดับที่ดีและชาวอเมริกันมีเงินออมเป็นจำนวนมากในช่วงที่โรคโควิด-19 แพร่ระบาด