นางเจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีกระทรวงการคลังสหรัฐเปิดเผยว่า ธนาคารพาณิชย์ในยุโรปกำลังเผชิญกับความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นในการดำเนินธุรกิจในรัสเซีย เนื่องจากสหรัฐกำลังพิจารณาเพิ่มมาตรการคว่ำบาตรครั้งที่สองต่อธนาคารที่อำนวยความสะดวกด้านการทำธุรกรรมที่สนับสนุนความพยายามในการทำสงครามของรัสเซีย
"เรากำลังพิจารณาเพิ่มมาตรการคว่ำบาตรต่อธนาคารที่ดำเนินธุรกิจในรัสเซีย" นางเยลเลนให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวรอยเตอร์ โดยปฏิเสธที่จะให้รายละเอียดเพิ่มเติมหรือระบุชื่อธนาคารที่อยู่ในกลุ่มเป้าหมาย
นางเยลเลน กล่าวนอกรอบการประชุมผู้นำด้านการเงินของกลุ่ม G7 ว่า มาตรการคว่ำบาตรการทำธุรกรรมของธนาคารในรัสเซียจะบังคับใช้เฉพาะในกรณีที่มีเหตุผลให้ทำเช่นนั้น และกล่าวด้วยว่าธนาคารที่ดำเนินธุรกิจในรัสเซียมีความเสี่ยงอย่างมาก
นอกจากนี้ เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าเธอต้องการจะเห็น ธนาคารไรฟไฟเซน แบงก์ อินเตอร์เนชั่นแนล( Raiffeisen Bank International) ของออสเตรีย และธนาคารยูนิเครดิต (UniCredit) ของอิตาลีถอนตัวออกจากรัสเซียหรือไม่ นางเยลเลนระบุว่า "ดิฉันเชื่อว่าหน่วยงานกำกับดูแลได้แนะนำให้ธนาคารเหล่านี้ใช้ความระมัดระวังอย่างมากในการดำเนินธุรกิจที่นั่น"
นายฟาบิโอ ปาเน็ตตา ผู้กำหนดนโยบายของธนาคารกลางยุโรป (ECB) ได้ออกคำแนะนำที่ชัดเจนสำหรับธนาคารอิตาลีเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา (27 พ.ค.) โดยเน้นย้ำว่าธนาคารจะต้องถอนตัวออกจากรัสเซีย เนื่องจากการยังคงดำเนินธุรกิจในรัสเซียจะก่อให้เกิดปัญหาด้านชื่อเสียง
ทั้งนี้ ธนาคารไรฟไฟเซนเป็นธนาคารรายใหญ่ที่สุดของยุโรปที่ยังดำเนินธุรกิจให้รัสเซีย ตามมาด้วยธนาคารยูนิเครดิต ขณะที่ธนาคารอินเทซา ซานเปาโล (Intesa Sanpaolo) ซึ่งเป็นธนาคารที่ใหญ่ที่สุดของของอิตาลี กำลังอยู่ในระหว่างกระบวนการถอนตัวออกจากรัสเซีย