ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีน ให้คำมั่นว่าจะให้ความสำคัญกับการจ้างงานคนหนุ่มสาวเป็นอันดับแรก พร้อมกับจัดสรรทรัพยากรเพิ่มเติมเพื่อสร้างงาน ซึ่งก่อให้เกิดกระแสคาดการณ์ว่าจะมีการปฏิรูปภาคส่วนนี้ในการประชุมนโยบายครั้งสำคัญในเดือนก.ค.
ผู้นำจีนกล่าวในการประชุมของกรมการเมือง (Politburo) เมื่อวันจันทร์ (27 พ.ค.) ว่า การจ้างงานเต็มอัตราควรเป็นเป้าหมายสำคัญอันดับแรกในการพัฒนาสังคมและเศรษฐกิจ โดยต้องให้ความสำคัญเป็นพิเศษกับการจ้างงานผู้สำเร็จการศึกษาระดับวิทยาลัยหรือมหาวิทยาลัย
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ถ้อยแถลงดังกล่าวมีขึ้นในขณะที่ประชากรหนุ่มสาวชาวจีนต้องดิ้นรนหางานทำท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว
ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง กล่าวว่า จีนควรส่งเสริมการพัฒนาอุตสาหกรรมและวิสาหกิจที่มีขีดความสามารถในการจ้างงานสูง พร้อมเสริมว่าจำเป็นต้องปรับหลักสูตรและวิชาในระดับอุดมศึกษาให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาด อันเป็นผลมาจากเทคโนโลยีใหม่ ๆ และอุตสาหกรรมเกิดใหม่
สำนักข่าวซินหัวรายงานเมื่อเดือนธ.ค. โดยอ้างอิงข้อมูลจากกระทรวงศึกษาธิการจีนว่า ผู้สำเร็จการศึกษาเกือบ 11.8 ล้านคนจะเข้าสู่ตลาดงานของจีนในปี 2567 หรือเพิ่มขึ้น 2% จากปีก่อนหน้า
ทั้งนี้ อัตราการว่างงานในกลุ่มคนหนุ่มสาวพุ่งแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในเดือนมิ.ย. 2566 ก่อนที่จีนจะเปลี่ยนวิธีการคำนวณโดยไม่นับรวมนักศึกษา โดยให้เหตุผลว่าสะท้อนอัตราการว่างงานที่แม่นยำกว่าเดิม
อัตราการว่างงานในกลุ่มคนหนุ่มสาวที่มีอายุระหว่าง 16-24 ปี ไม่รวมนักศึกษา อยู่ที่ 14.7% ในเดือนเม.ย. ซึ่งลดลงจากระดับ 15.3% ในเดือนมี.ค.