ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปิดเผยรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจทั้ง 12 เขตหรือ Beige Book ในวันพฤหัสบดี (29 พ.ค.) โดยระบุว่า กิจกรรมทางเศรษฐกิจของสหรัฐยังคงขยายตัวในช่วงต้นเดือนเม.ย.จนถึงกลางเดือนพ.ค. แต่บริษัทต่าง ๆ มีมุมมองเป็นลบมากขึ้นเกี่ยวกับทิศทางเศรษฐกิจในอนาคต ท่ามกลางอุปสงค์ของผู้บริโภคที่อ่อนแอลง ในขณะที่เงินเฟ้อยังคงปรับตัวขึ้นเล็กน้อย
ทั้งนี้ Beige Book เป็นรายงานการประเมินภาวะเศรษฐกิจจากเจ้าหน้าที่เฟดซึ่งประจำอยู่ใน 12 เขตของสหรัฐ และเป็นรายงานที่มีการรวบรวมข้อมูลจากมุมมองของผู้นำธุรกิจ รวมทั้งนักเศรษฐศาสตร์และนายธนาคารในภูมิภาค ทำให้ Beige Book สามารถสะท้อนภาวะเศรษฐกิจสหรัฐในวงกว้าง
รายงาน Beige Book ของเฟดระบุว่า "การใช้จ่ายด้านค้าปลีกทรงตัวไปจนถึงขยับขึ้นเล็กน้อย ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าการใช้จ่ายซื้อสินค้าฟุ่มเฟือยชะลอตัวลง และยังบ่งชี้ว่าผู้บริโภคมีความอ่อนไหวเกี่ยวกับราคาสินค้า ส่วนในภาพรวมนั้น ผู้บริโภคมีมุมมองที่เป็นลบมากขึ้น ท่ามกลางรายงานเกี่ยวกับความไม่แน่นอนและความเสี่ยงที่เศรษฐกิจจะเผชิญภาวะขาลง"
การจ้างงานปรับตัวขึ้นเล็กน้อย โดยเฟด 8 เขตจากทั้งหมด 12 เขตรายงานว่า การจ้างงานเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ขณะที่เฟดอีกหลายเขตรายงานว่าค่าจ้างขยายตัวแตะระดับเดียวกับช่วงก่อนที่โรคโควิด-19 แพร่ระบาด
ส่วนราคาปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อยในช่วงต้นเดือนเม.ย.จนถึงกลางเดือนพ.ค. ขณะที่ผู้บริโภคหลีกเลี่ยงการซื้อสินค้าที่มีราคาสูงขึ้น
เฟดสาขาดัลลัสระบุว่า อุปสงค์ของผู้บริโภคที่อ่อนแรงลงยังคงสร้างความวิตกกังวลให้กับบริษัทจำนวนมาก ขณะที่ความขัดแย้งในตะวันออกกลางและสถานการณ์ตึงเครียดด้านภูมิรัฐศาสตร์ทั่วโลกเป็นอีกหนึ่งในปัจจัยที่สร้างความกังวลว่าเศรษฐกิจมีความเสี่ยงที่จะเผชิญภาวะขาลง
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า รายงาน Beige Book ซึ่งเฟดจะมีการเปิดเผยในทุก ๆ 6 สัปดาห์นั้น มีการเผยแพร่ในช่วงเวลาที่เจ้าหน้าที่กำหนดนโยบายของเฟดยังคงไม่มั่นใจเกี่ยวกับช่วงเวลาในการเริ่มวงจรการปรับลดอัตราดอกเบี้ย หลังจากที่คงอัตราดอกเบี้ยในกรอบ 5.25% - 5.50% ในช่วง 10 เดือนที่ผ่านมา โดยเจ้าหน้าที่เฟดกำลังจับตาทิศทางของกิจกรรมทางเศรษฐกิจ การจ้างงาน และแรงกดดันด้านเงินเฟ้ออย่างใกล้ชิด ก่อนที่จะตัดสินใจในเรื่องดังกล่าว