สภาทองคำโลก (WGC) เปิดเผยว่า ยอดซื้อทองคำสุทธิโดยธนาคารกลางทั่วโลกเพิ่มขึ้นแตะระดับ 33 เมตริกตันในเดือนเม.ย. ซึ่งเพิ่มขึ้นอย่างมากจากเดือนมี.ค.ที่ยอดซื้อทองคำสุทธิอยู่ที่ระดับเพียง 3 ตัน โดยข้อมูลดังกล่าวเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าทองคำยังคงเป็นที่ต้องการอย่างมากจากธนาคารกลางทั่วโลก แม้ราคาจะอยู่ในระดับสูงก็ตาม
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ความต้องการทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย อันเนื่องมาจากสถานการณ์ด้านภูมิรัฐศาสตร์และความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจ ประกอบกับการที่ธนาคารกลางยังคงเข้าซื้ออย่างต่อเนื่องนั้น เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ราคาทองคำในตลาดโลกพุ่งขึ้นในช่วงเดือนมี.ค.-พ.ค. โดยราคาทองสปอตพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 2,449.89 ดอลลาร์/ออนซ์เมื่อวันที่ 20 พ.ค.ที่ผ่านมา
"ราคาทองคำที่พุ่งขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงเดือนมี.ค.ได้ก่อให้เกิดคำถามมากมาย โดยหนึ่งในนั้นคือคำถามที่ว่าธนาคารกลางที่เคยเข้าซื้อทองคำและเป็นหนึ่งในปัจจัยหนุนราคาทองคำในช่วงที่ผ่านมานั้น จะเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการซื้อทองคำหรือไม่หลังจากราคาปรับตัวสูงขึ้น แต่ยอดซื้อทองคำสุทธิที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นในเดือนเม.ย.สะท้อนให้เห็นว่า ธนาคารกลางยังคงเป็นปัจจัยหนุนราคาทองคำให้พุ่งขึ้นต่อไปด้วยการใช้แผนเข้าซื้อทองคำอย่างมีกลยุทธ์" WGC ระบุในรายงานล่าสุดซึ่งเผยแพร่เมื่อวานนี้ (4 มิ.ย.)
ความต้องการทองคำของธนาคารทั่วโลกเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในระยะเวลา 2 ปี เนื่องจากธนาคารกลางต้องการกระจายความเสี่ยงในระบบทุนสำรองเงินตราต่างประเทศ โดยผลสำรวจเมื่อวานนี้ระบุว่า ธนาคารกลางมีแผนที่จะเดินหน้าซื้อทองคำเข้าสู่ระบบทุนสำรองต่อไป
ข้อมูลจาก WGC ระบุว่า ธนาคารกลางตุรกี จีน อินเดีย และคาซัคสถาน เป็นผู้ซื้อทองคำสุทธิรายใหญ่ที่สุดของโลกนับตั้งแต่ต้นปี 2567