ผู้ว่าแบงก์ชาติออสเตรเลียส่งสัญญาณอาจขึ้นดอกเบี้ยอีกหากเงินเฟ้อยังสูง

นางมิเชล บูลล็อก ผู้ว่าการธนาคารกลางออสเตรเลีย (RBA) แถลงต่อวุฒิสภาออสเตรเลียในวันนี้ (5 มิ.ย.) ว่า RBA ตระหนักถึงต้นทุนทางเศรษฐกิจที่อยู่ในระดับสูง อันเนื่องมาจากเงินเฟ้อที่ยังคงสูงกว่าเป้าหมาย และ RBA ไม่ลังเลที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก หากจำเป็น

"แม้ว่าความเสี่ยงเริ่มมีความสมดุล แต่ต้นทุนที่เกิดจากการปรับตัวขึ้นของเงินเฟ้อยังคงเป็นสิ่งที่เราต้องนำมาพิจารณา ดังนั้นหากสถานการณ์ยังคงเป็นไปในทิศทางดังกล่าว เราก็จะตระหนักว่าต้นทุนทางเศรษฐกิจกำลังปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมากเช่นกัน" นางบูลล็อกกล่าว

นางบูลล็อกย้ำว่า "จำเป็นอย่างยิ่งที่คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของ RBA จะต้องทำให้เงินเฟ้อลดลงสู่เป้าหมายที่ระดับ 2-3% และหากเงินเฟ้อไม่ปรับตัวลงสู่เป้าหมายดังกล่าว RBA ก็อาจจำเป็นต้องใช้ปฏิบัติการเชิงรุก"

สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า การแสดงความเห็นของนางบูลล็อกมีขึ้นหลังจากออสเตรเลียเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อที่สูงกว่าคาดในไตรมาส 1/2567 ขณะที่ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ดีดตัวขึ้นแตะระดับ 3.6% ในเดือนเม.ย. ทางด้านเทรดเดอร์ต่างก็คาดการณ์ว่า RBA อาจจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในช่วงครึ่งแรกของปี 2568

ทั้งนี้ แม้ว่านางบูลล็อกส่งสัญญาณถึงแนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย แต่นักเศรษฐศาสตร์มองว่า RBA จะยังไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเร็ว ๆ นี้ โดยคาดว่าวงจรการผ่อนคลายนโยบายการเงินของ RBA จะเริ่มต้นขึ้นในปลายปีนี้ เนื่องจากกิจกรรมทางเศรษฐกิจอ่อนแอลงอย่างเห็นได้ชัด

สำนักงานสถิติแห่งชาติออสเตรเลียเปิดเผยตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ในไตรมาส 1/2567 ภายหลังการแถลงของนางบูลล็อก โดยระบุว่า GDP ขยายตัวเพียง 0.1% เมื่อเทียบเป็นรายไตรมาส ต่ำกว่าในไตรมาสก่อนหน้าซึ่งมีการขยายตัว 0.3% และต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ว่า GDP จะขยายตัว 0.2%

เมื่อเทียบเป็นรายปี GDP ในไตรมาส 1 ของออสเตรเลียขยายตัวเพียง 1.1% ชะลอตัวลงไตรมาสก่อนหน้าซึ่งมีการขยายตัว 1.5% และเป็นการขยายตัวที่ช้าที่สุดในรอบ 30 ปีหากไม่นับรวมช่วงเวลาที่ออสเตรเลียเผชิญกับการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19

นางบูลล็อกได้คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ว่า การขยายตัวของ GDP ออสเตรเลียจะอยู่ในระดับต่ำ และระบุว่าการใช้จ่ายของภาคครัวเรือนจะอยู่ในระดับที่อ่อนแอมาก