ธนาคารโลกเปิดเผยรายงานในวันนี้ว่า การเติบโตทางเศรษฐกิจของเมียนมายังคงมีแนวโน้มที่อ่อนแอในปีงบประมาณปัจจุบัน เนื่องจากต้นทุนอาหารและเชื้อเพลิงที่สูง รวมทั้งสกุลเงินจ๊าดของเมียนมาที่อ่อนค่าลง และปัญหาขาดแคลนสกุลเงินดอลลาร์ ซึ่งปัจจัยเหล่านี้กำลังส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของเมียนมา
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ธนาคารโลกคาดการณ์ว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของเมียนมาจะขยายตัวเพียง 1% ในปีงบประมาณปัจจุบันซึ่งจะสิ้นสุด ณ เดือนมี.ค. 2568 โดยตัวเลขดังกล่าวไม่เปลี่ยนแปลงจากที่ธนาคารโลกคาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ แต่ต่ำกว่าที่รัฐบาลเมียนมาคาดการณ์ไว้ที่ระดับ 3.8%
มาเรียม เชอร์แมน ผู้อำนวยการธนาคารโลกฝ่ายกิจการเมียนมา, กัมพูชา และสปป.ลาว กล่าวว่า ในระยะใกล้จนถึงระยะกลางนี้ แนวโน้มเศรษฐกิจของเมียนมายังคงอ่อนแอมาก โดยเฉพาะภาคครัวเรือน
รายงานดังกล่าวของธนาคารโลกสะท้อนให้เห็นว่าเศรษฐกิจเมียนมาได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงหลังเกิดการรัฐประหารในปี 2564 โดยเมียนมากำลังเผชิญกับความขัดแย้งที่ทวีความรุนแรงในหลายด้าน ซึ่งส่งผลให้การจัดการเลือกตั้งเป็นไปอย่างล่าช้า และก่อให้เกิดความไม่มั่นคง โดยปัจจัยเหล่านี้ได้ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนและทำให้สกุลเงินจ๊าดอ่อนค่าลงด้วย
นอกจากนี้ ธนาคารโลกคาดว่า อัตราเงินเฟ้อของเมียนมาจะยังคงอยู่ในระดับสูง เนื่องจากราคาอาหารและเชื้อเพลิงปรับสูงขึ้น