ผลสำรวจซึ่งจัดทำโดยคอนเฟอเรนซ์ บอร์ด (Conference Board) บ่งชี้ว่า ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) ของบริษัทต่างชาติชั้นนำที่เข้าไปดำเนินธุรกิจในประเทศจีนมีความเชื่อมั่นเพิ่มขึ้นเล็กน้อยในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ แม้ว่าความกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจและสถานการณ์ตึงเครียดด้านภูมิรัฐศาสตร์ที่ทวีความรุนแรงมากขึ้นได้ทำให้ซีอีโอจำนวนมากต้องกลับมาประเมินการทำธุรกิจในจีนอีกครั้งก็ตาม
ผลสำรวจระบุว่า ซีอีโอต่างชาติ โดยเฉพาะซีอีโอของบริษัทสหรัฐและยุโรปนั้น มีความเชื่อมั่นเพิ่มขึ้นเล็กน้อยต่อภาวะทางธุรกิจในปัจจุบันและอนาคตในประเทศจีน เมื่อเทียบกับในช่วง 6 เดือนก่อนหน้านี้
ทั้งนี้ ดัชนีความเชื่อมั่นในช่วงครึ่งแรกของปี 2567 อยู่ที่ระดับ 56 เพิ่มขึ้นจากระดับ 54 ในช่วง 6 เดือนก่อนหน้านี้ โดยดัชนีที่สูงกว่า 50 บ่งชี้ว่า จำนวนซีอีโอที่มีมุมมองเป็นบวกนั้น มีมากกว่าผู้ที่มีมุมมองเป็นลบ นอกจากนี้ ผลสำรวจยังระบุว่า มีซีอีโอเพียง 13% ที่คาดการณ์ว่าภาวะทางธุรกิจในประเทศจีนจะย่ำแย่ลง ซึ่งดีกว่าระดับ 23% ในการสำรวจที่มีขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปี 2566
อย่างไรก็ดี แนวโน้มการจ้างงานยังคงซบเซา โดยซีอีโอราว 33.33% ที่เข้าร่วมการสำรวจคาดการณ์ว่าจำเป็นต้องลดจำนวนพนักงานในช่วง 6 เดือนข้างหน้า เมื่อเทียบกับการสำรวจครั้งก่อนที่ระบุว่าซีอีโอ 37% มองว่าจำเป็นต้องลดจำนวนพนักงาน ขณะเดียวกันมีซีอีโอเพียง 6% ที่คาดการณ์ว่าจะเพิ่มจำนวนพนักงาน ซึ่งลดลงอย่างมากจากระดับ 20% ในการสำรวจครั้งก่อน และมีซีอีโอ 58% ที่คาดว่าอาจจะย้ายฐานการลงทุนและการดำเนินงานออกจากจีนไปยังอินเดียในช่วง 2 ปีข้างหน้า
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า การสำรวจดังกล่าวมีขึ้นในระหว่างวันที่ 9-26 เม.ย. โดยมีซีอีโอและผู้บริหาร 31 รายที่เข้าร่วมการสำรวจในครั้งนี้
นอกจากนี้ ผลสำรวจยังบ่งชี้ว่า บริษัทข้ามชาติกำลังเผชิญกับความเสี่ยงมากขึ้น โดยมองว่าการชะลอตัวทางเศรษฐกิจเป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุดที่มีผลกระทบต่อธุรกิจ รองลงมาคือสถานการณ์ตึงเครียดด้านภูมิรัฐศาสตร์ โดยซีอีโอ 35% คาดการณ์ว่าความสัมพันธ์ระหว่างจีนและสหภาพยุโรปจะตึงเครียดมากขึ้น และ 55% มองว่าความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐและจีนจะตึงเครียดมากขึ้น