เอสแอนด์พี โกลบอล เรทติ้งส์ (S&P Global Ratings) สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือชั้นนำของโลกจากสหรัฐ เปิดเผยรายงานเมื่อวานนี้ (13 มิ.ย.) ว่า จีนจำเป็นต้องปฏิรูปตลาดตราสารหนี้ เนื่องจากหนี้สินที่เพิ่มสูงขึ้นสร้างความเสี่ยงในระยะยาวที่สำคัญต่อประเทศ
รายงานของ S&P ระบุว่า แม้รัฐบาลจะดำเนินมาตรการกระตุ้นด้านการคลังต่อเนื่อง แต่ระดับหนี้ก็ยังคงสูงมาก ในขณะที่มูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ชะลอตัวลง
นักวิเคราะห์กล่าวว่า "ผู้กำหนดนโยบายเข้าใจดีถึงความจำเป็นในการควบคุมหนี้และรักษาการเติบโตทางเศรษฐกิจไปพร้อมกัน" เพื่อจัดการความเสี่ยงเชิงระบบในระยะยาว ด้วยเหตุนี้ พวกเขาจึงเข้มงวดกับการจัดหาเงินทุนของรัฐบาลท้องถิ่นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม S&P ระบุว่า การปฏิรูปตลาดดูเหมือนจะถูกลดความสำคัญลง เนื่องจากทางการมุ่งเน้นไปที่การแก้ไขปัญหาเร่งด่วน เช่น วิกฤตอสังหาริมทรัพย์ การกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจ รวมถึงการควบคุมหนี้ของรัฐบาลท้องถิ่น ขณะเดียวกัน การผลักดันการปฏิรูปตลาดตราสารหนี้อาจมีความจำเป็นเพื่อรับมือกับความท้าทายเหล่านั้นไปพร้อมกัน ซึ่งอาจช่วยลดระดับหนี้ในระยะยาวได้
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ระดับของหนี้สาธารณะ หนี้นอกตลาด และหนี้แอบแฝงจำนวนมากในจีนได้ก่อให้เกิดความกังวลมาอย่างยาวนานเกี่ยวกับความเสี่ยงทางการเงินเชิงระบบที่อาจเกิดขึ้น
ทั้งนี้ เมื่อเดือนเม.ย. ฟิทช์ เรทติ้งส์ได้ปรับลดแนวโน้มอันดับความน่าเชื่อถือของจีนเป็น "เชิงลบ" โดยระบุถึงความเสี่ยงต่อการคลังสาธารณะของประเทศ เนื่องจากเศรษฐกิจเผชิญกับความไม่แน่นอนเพิ่มขึ้น อีกทั้งยังคาดการณ์ว่าหนี้สินทั่วไปของรัฐบาลจีนอาจพุ่งขึ้นแตะ 61.3% ของ GDP ในปีนี้ จาก 56.1% ในปี 2566 และ 38.5% ในปี 2562