ทีมนักกลยุทธ์ของโกลด์แมน แซคส์คาดการณ์ว่า ตลาดหุ้นฝรั่งเศสมีแนวโน้มที่จะถูกกระทบจากความเสี่ยงด้านการเมืองต่อไปอีกเป็นเวลาหลายสัปดาห์หรือหลายเดือนข้างหน้า
สำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานว่า เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ดัชนี CAC 40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสทำผลงานย่ำแย่ที่สุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค. 2566 โดยทรุดตัวลงกว่า 6% หลังจากประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครงได้สร้างความประหลาดใจให้กับตลาดด้วยการประกาศยุบสภาเพื่อจัดการเลือกตั้งใหม่
ตลาดหุ้นฝรั่งได้รับแรงกดดันจากความวิตกกังวลว่าพรรคเนชั่นแนล แรลลี (National Rally) ซึ่งเป็นพรรคขวาจัดอาจจะได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งวันที่ 30 มิ.ย.และวันที่ 7 ก.ค. รวมทั้งความเป็นไปได้ที่จะมีการใช้นโยบายการคลังแบบประชานิยม, มาตรการที่มุ่งเป้าไปที่ธนาคารพาณิชย์ และวิกฤตการณ์การเงินเหมือนกับที่เคยเกิดขึ้นในยุคของนางลิซ ทรัสส์ อดีตนายกรัฐมนตรีอังกฤษ
นอกเหนือจากแรงเทขายในตลาดหุ้นอันเนื่องมาจากสถานการณ์การเมืองแล้ว ต้นทุนการกู้ยืมที่ปรับตัวสูงขึ้น และค่าสเปรดอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีของฝรั่งเศสและเยอรมนียังปรับตัวเพิ่มขึ้นอีก 0.25% โดยโกลด์แมน แซคส์คาดการณ์ว่า ค่าสเปรดจะยังคงปรับตัวเพิ่มขึ้นในอีกหลายสัปดาห์ข้างหน้า
"สถานการณ์ดังกล่าวจะยังคงสร้างแรงกดดันต่อหุ้นกลุ่มต่าง ๆ ในตลาดหุ้นฝรั่งเศส โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มธนาคารซึ่งมีความอ่อนไหวต่อค่าสเปรดอัตราผลตอบแทนพันธบัตร" ทีมนักกลยุทธ์ของโกลด์แมน แซสค์ระบุในรายงานวิจัย
ในระยะสั้นนั้น โกลด์แมน แซคส์ แนะนำให้นักลงทุนซื้อหุ้นกลุ่มปลอดภัย (Defensive Sectors) เช่น กลุ่มเฮลท์แคร์ ท่ามกลางสถานการณ์การเมืองที่ไม่มีความไม่แน่นอนมากขึ้น
โกลด์แมน แซคส์ระบุว่า ชัยชนะของพรรคเนชั่นแนล แรลลี อาจจะส่งผลกระทบต่อหุ้นของบริษัทฝรั่งเศส แต่คาดว่าในระยะยาวนั้น พรรคเนชั่นแนล แรลลี อาจจะสามารถพิสูจน์ให้เห็นว่า ทางพรรคมีนโยบายที่เอื้ออำนวยต่อภาคเอกชนมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ หากพรรคยังคงมุ่งมั่นที่จะพิชิตชัยชนะในศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีปี 2570
นอกจากนี้ โกลด์แมน แซคส์ระบุว่า มีความเป็นไปได้ที่ฝรั่งเศสจะเผชิญกับภาวะที่ไม่มีพรรคใดครองเสียงข้างมากในสภา (Hung Parliament) และภาวะชะงักงันทางการเมือง โดยแม้ว่าสถานการณ์ดังกล่าวจะไม่ก่อให้เกิดปฏิกิริยารุนแรงในตลาด แต่ก็จะส่งผลให้ค่าสเปรดอัตราผลตอบแทนพันธบัตรปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งจะสร้างแรงกดดันต่อหุ้นของบริษัทต่าง ๆ ในฝรั่งเศส