ญี่ปุ่นกำลังเผชิญกับคลื่นนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่หลั่งไหลเข้าประเทศอย่างต่อเนื่อง จนเกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับจำนวนนักท่องเที่ยวที่มากเกินไป รวมถึงพฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์ของนักท่องเที่ยวบางส่วน ส่งผลให้หลายฝ่ายพยายามหาทางควบคุมนักท่องเที่ยวโดยไม่กระทบต่อรายได้ที่เข้าประเทศ หนึ่งในนั้นคือการเก็บเงินนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเพิ่มมากขึ้น
องค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวแห่งประเทศญี่ปุ่น (JNTO) รายงานในวันพุธ (19 มิ.ย.) ว่า จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเยือนญี่ปุ่นอยู่ที่ 3.04 ล้านคนในเดือนพ.ค. พุ่งขึ้น 60.1% จากปีก่อนหน้า และทะลุระดับ 3 ล้านคนเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกันแล้ว โดยได้รับอานิสงส์จากการอ่อนค่าของเงินเยน
แม้ว่าธุรกิจต่าง ๆ จะได้รับประโยชน์จากการใช้จ่ายของเหล่าผู้มาเยือนท่ามกลางปัญหาสังคมสูงวัยและประชากรวัยทำงานที่ลดลงของญี่ปุ่น แต่นักท่องเที่ยวเริ่มสร้างความไม่พอใจให้กับคนในท้องถิ่น เนื่องจากทำให้สถานที่ท่องเที่ยวหรือแม้กระทั่งรถโดยสารแออัดมากเกินไป
นายกเทศมนตรีเมืองฮิเมจิระบุเมื่อวันอาทิตย์ (16 มิ.ย.) ว่า เขาต้องการเริ่มเก็บเงินนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติแพงกว่าชาวญี่ปุ่น 6 เท่า โดยนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติควรต้องจ่ายเงินราว 30 ดอลลาร์ในการเยี่ยมชมปราสาทฮิเมจิอายุ 400 ปีอันเป็นแหล่งมรดกโลก ขณะที่คนญี่ปุ่นจ่ายเพียง 5 ดอลลาร์
สถานีโทรทัศน์ FNN ของญี่ปุ่นรายงานว่า นายฮิโรฟุมิ โยชิมุระ ผู้ว่าการจังหวัดโอซาก้า ได้ออกมาสนับสนุนแนวคิดดังกล่าว พร้อมทั้งระบุว่าเขาต้องการทำแบบเดียวกันกับปราสาทโอซาก้า
ก่อนหน้านี้ สถานที่ท่องเที่ยวหลายแห่งในญี่ปุ่นได้ใช้มาตรการที่เด็ดขาด เช่นในเมืองเกียวโต นักท่องเที่ยวถูกห้ามเข้าพื้นที่บางส่วนของ "กิออน" ซึ่งเป็นย่านประวัติศาสตร์เกอิชา ขณะที่หน่วยงานท้องถิ่นของเมืองฟูจิคาวากุจิโกะ ได้ติดตั้งฉากกั้นสีดำขนาดใหญ่เมื่อเดือนที่แล้ว เพื่อบดบังทัศนียภาพของภูเขาไฟฟูจิ เพื่อจัดการกับพฤติกรรมที่ไร้ระเบียบของนักท่องเที่ยวที่แห่ไปถ่ายรูปภูเขาไฟฟูจิ