ราคาหุ้นอินวิเดีย (Nvidia) ซึ่งเป็นผู้ผลิตชิป AI รายใหญ่ของสหรัฐ เข้าสู่ภาวะปรับปรับฐานแล้วในวันจันทร์ (24 มิ.ย.) หลังจากหุ้นของบริษัทถูกเทขายติดต่อกัน 3 วันทำการ และส่งผลให้มูลค่าตามราคาตลาด (มาร์เก็ตแคป) ของอินวิเดียดิ่งลงมากที่สุดเป็นประวัติการณ์
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ราคาหุ้นอินวิเดียร่วงลง 6.7% ในการซื้อขายที่ตลาดหุ้นนิวยอร์กในวันจันทร์ ซึ่งดิ่งลงรุนแรงที่สุดนับตั้งแต่ต้นเดือนเม.ย. และเป็นการปรับตัวลงติดต่อกันวันที่ 3 ส่งผลให้มาร์เก็ตแคปของอินวิเดียหายไปถึง 4.3 แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นการสูญเสียมาร์เก็ตแคปในระยะเวลา 3 วันที่มากที่สุดในประวัติศาสตร์ตลาดหุ้นสหรัฐ
ภายในระยะเวลา 3 วัน ราคาหุ้นอินวิเดียทรุดตัวลง 13% ซึ่งมากกว่าเกณฑ์ 10% ที่บ่งชี้ถึงภาวะปรับฐานของราคาหุ้น นอกจากนี้ การร่วงลงอย่างต่อเนื่องของหุ้นอินวิเดียยังเป็นปัจจัยฉุดดัชนีหุ้นเซมิคอนดักเตอร์ที่ตลาดหุ้นฟิลาเดลเฟีย (Philadelphia SE Semiconductor Index) ดิ่งลง 3% ในวันจันทร์
ทั้งนี้ การปรับตัวลงดังกล่าวส่งผลให้มาร์เก็ตแคปของอินวิเดียร่วงหลุดจากระดับ 3 ล้านล้านดอลลาร์ และทำให้ให้อินวิเดียสูญเสียตำแหน่งบริษัทที่มีมูลค่าสูงที่สุดในโลกให้กับไมโครซอฟท์อีกครั้ง หลังจากอินวิเดียเพิ่งจะแซงหน้าไมโครซอฟท์ขึ้นเป็นบริษัทที่มีมูลค่าสูงเป็นอันดับ 1 ของโลกเมื่อวันที่ 18 มิ.ย.ที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม หากนับตั้งแต่ต้นปี 2567 ราคาหุ้นอินวิเดียปรับตัวเพิ่มขึ้นเกือบ 140% และเป็นหุ้นที่ทำผลงานดีที่สุดเป็นอันดับ 2 ในดัชนี S&P500 เป็นรองเพียงบริษัทซูเปอร์ ไมโคร คอมพิวเตอร์ (Super Micro Computer) ซึ่งเป็นผู้จำหน่ายอุปกรณ์สำหรับเซิร์ฟเวอร์
อินวิเดียเปิดเผยเมื่อไม่นานมานี้ ความต้องการหน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU) AI ของบริษัทจะยังคงอยู่ในระดับสูงเนื่องจากลูกค้ารายใหญ่ เช่น ไมโครซอฟท์, กูเกิล, อะเมซอน, ออราเคิล และเมตา แพลตฟอร์มส์ ยังคงซื้อชิปจากอินวิเดียมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์เพื่อขับเคลื่อนศูนย์ข้อมูลและให้บริการคลาวด์ของตน รายงานระบุว่า ในช่วงปลายปี 2567 อินวิเดียจะเริ่มจัดส่งชิป AI รุ่นใหม่อย่างแบล็คเวลล์ (Blackwell) ให้กับลูกค้า โดยนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าชิป AI รุ่นใหม่นี้จะกระตุ้นให้เกิดการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญสำหรับอินวิเดียและบริษัทที่เป็นพันธมิตรทางธุรกิจ