ยอดขายบ้านใหม่ของจีนหดตัวในอัตราที่ชะลอลงในเดือนมิ.ย. หลังจากรัฐบาลประกาศมาตรการต่าง ๆ เพื่อรักษาเสถียรภาพของตลาดที่อยู่อาศัยในเมืองใหญ่
ข้อมูลเบื้องต้นจากบริษัท ไชน่า เรียล เอสเตท อินฟอร์เมชัน คอร์ป (CRIC) ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยอสังหาริมทรัพย์ ระบุว่า ยอดขายบ้านใหม่ของบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของจีนจำนวน 100 แห่ง ปรับตัวลดลง 17% เมื่อเทียบเป็นรายปี แตะที่ 4.39 แสนล้านหยวน (6 หมื่นล้านดอลลาร์) ในเดือนมิ.ย. หลังจากที่ร่วงลง 34% ในเดือนพ.ค.
ส่วนเมื่อเทียบเป็นรายเดือน ยอดขายบ้านเดือนมิ.ย. เพิ่มขึ้น 36% จากเดือนพ.ค.
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า เมื่อช่วงปลายเดือนพ.ค. เมืองใหญ่ที่สุดของจีน 3 แห่ง ได้แก่ เซี่ยงไฮ้ เซินเจิ้น และกว่างโจว ได้ประกาศผ่อนคลายข้อกำหนดการซื้อบ้าน ด้วยการปรับลดอัตราส่วนการวางเงินดาวน์ซื้อบ้านและปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนอง หลังจากที่รัฐบาลกลางเปิดตัวโครงการช่วยฟื้นฟูภาคอสังหาริมทรัพย์จีน
นอกจากนี้ เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา กรุงปักกิ่งได้กลายเป็นเมืองขนาดใหญ่ของจีนระดับเทียร์ 1 (Tier 1) แห่งสุดท้ายที่ประกาศดำเนินนโยบายที่สอดคล้องกัน
ยอดขายบ้านใหม่ที่หดตัวในอัตราที่ชะลอลงอาจช่วยบรรเทาความกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจจีน หลังจากที่บลูมเบิร์ก อีโคโนมิกส์ คาดการณ์เมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า จีนอาจพลาดเป้าหมายการเติบโตทางเศรษฐกิจที่รัฐบาลกำหนดไว้ที่ราว 5% สำหรับปีนี้
ทั้งนี้ ดัชนี Shanghai Stock Exchange Property Index ซึ่งเป็นดัชนีหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์เซี่ยงไฮ้ ปรับตัวขึ้นถึง 3.1% ในการซื้อขายช่วงเช้าวันนี้ (1 ก.ค.) ส่วนหุ้นไชน่า ว่านเคอ (China Vanke) ที่ซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เซินเจิ้น เพิ่มขึ้นมากถึง 4.5%