บริษัทซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ ซึ่งเป็นผู้ผลิตชิปหน่วยความจำและสมาร์ตโฟนรายใหญ่ของโลกคาดว่า จะรายงานผลกำไรเพิ่มขึ้น 13 เท่าในไตรมาส 2/2567 เมื่อเทียบรายปี โดยได้แรงหนุนมาจากอุปสงค์ด้านเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ซึ่งทำให้ราคาชิปหน่วยความจำฟื้นตัว
นักวิเคราะห์ 27 รายจากแอลเอสอีจี สมาร์ตเอสติเมต (LSEG SmartEstimate) คาดการณ์ว่า ซัมซุงจะรายงานกำไรจากการดำเนินงานในไตรมาส 2/2567 เพิ่มขึ้นแตะ 8.8 ล้านล้านวอน (6.34 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) ซึ่งนับเป็นตัวเลขกำไรสูงสุดนับตั้งแต่ไตรมาส 3/2565 และสูงกว่ากำไรจากการดำเนินงานในไตรมาส 2/2565 ซึ่งอยู่ที่ 6.7 แสนล้านวอน
นอกจากนี้ กลุ่มธุรกิจเซมิคอนดักเตอร์หลักของซัมซุงคาดว่าจะรายงานผลกำไรจากการดำเนินงานรายไตรมาสที่ดีขึ้นเป็นไตรมาสที่สองติดต่อกัน เนื่องจากราคาชิปหน่วยความจำเพิ่มขึ้น หลังจากลดลงตั้งแต่ช่วงกลางปี 2565 จนถึงสิ้นปี 2566 เนื่องจากความต้องการอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ใช้ชิปนั้นอ่อนแอหลังการระบาดของโรคโควิด-19
นักวิเคราะห์ระบุว่า ความต้องการที่เพิ่มขึ้นสำหรับชิป DRAM ระดับไฮเอนด์ เช่น ชิปหน่วยความจำแบนด์วิดท์ (HBM) ที่ใช้ในชิปเซต AI รวมถึงชิปที่ใช้ในเซิร์ฟเวอร์ศูนย์ข้อมูลและอุปกรณ์ที่ให้บริการ AI ได้สนับสนุนให้อุตสาหกรรมชิปฟื้นตัวเป็นวงกว้าง
ทั้งนี้ เทรนด์ฟอร์ซ (TrendForce) ผู้ให้บริการข้อมูลด้านการตลาดระดับโลกระบุว่า ในช่วงไตรมาส 2/2567 ราคาชิปหน่วยความจำพุ่งขึ้นประมาณ 13%-18% เมื่อเทียบกับไตรมาสแรกสำหรับชิป DRAM ที่ใช้ในอุปกรณ์เทคโนโลยี และพุ่งขึ้น 15%-20% สำหรับชิป NAND Flash ที่ใช้สำหรับการจัดเก็บข้อมูล