บิตคอยน์ดิ่งลงหลุดระดับ 57,000 ดอลลาร์ในวันนี้ หลังจากที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เผยแพร่รายงานการประชุมนโยบายการเงินประจำเดือนมิ.ย. ระบุว่า เฟดยังไม่พร้อมที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย
ทั้งนี้ บิตคอยน์ร่วงลง 5% สู่ระดับ 56,837 ดอลลาร์ในการซื้อขายบนแพลตฟอร์ม CoinGecko ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค. ก่อนที่จะฟื้นตัวขึ้นเหนือระดับ 57,000 ดอลลาร์ในเวลาต่อมา
บิตคอยน์ได้ร่วงลงติดต่อกันเป็นเวลา 1 เดือน และดิ่งลงมากกว่า 6% ในสัปดาห์นี้ ท่ามกลางความไม่แน่นอนเกี่ยวกับผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ และความกังวลเกี่ยวกับการที่เจ้าหนี้ของบริษัท Mt. Gox ซึ่งประสบปัญหาล้มละลายในปี 2557 อาจเทขายบิตคอยน์ออกมา
นักวิเคราะห์ระบุว่า บิตคอยน์ถูกกดดัน หลังประธานาธิบดีโจ ไบเดน พ่ายแพ้ในศึกดีเบตรอบแรกต่อนายโดนัลด์ ทรัมป์ คู่แข่งจากพรรครีพับลิกัน เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว "หากไบเดนประกาศถอนตัว ผู้ที่จะมาแทนที่เขาอาจจะเป็นคนที่ไม่สนับสนุนคริปโทฯ" นายจอช กิลเบิร์ต นักวิเคราะห์ตลาดของ eToro กล่าว
นอกจากนี้ การที่ Mt. Gox กำลังเริ่มทำการชำระหนี้เป็นบิตคอยน์ให้แก่เจ้าหนี้ อาจส่งผลให้เจ้าหนี้ดังกล่าวทำการเทขายบิตคอยน์ในตลาด
ทั้งนี้ บิตคอยน์พุ่งขึ้นอย่างร้อนแรงนับตั้งแต่ต้นปี 2567 โดยได้แรงหนุนจากการที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์สหรัฐ (SEC) ให้การอนุมัติการจัดตั้ง Spot Bitcoin ETF ส่งผลให้บิตคอยน์พุ่งขึ้นแตะระดับ 73,803.25 ดอลลาร์ ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในเดือนมี.ค. โดยทำลายสถิติสูงสุดเดิมที่ทำไว้ที่ 68,990 ดอลลาร์เมื่อเดือนพ.ย.2564 และทำให้มีการคาดการณ์ว่า บิตคอยน์อาจพุ่งทะลุ 100,000 ดอลลาร์ในปีนี้
อย่างไรก็ดี บิตคอยน์ได้ปรับตัวลงอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่เดือนมี.ค. แม้แต่ปรากฏการณ์ Bitcoin Halving ที่เกิดขึ้นในเดือนเม.ย.ก็ไม่สามารถกระตุ้นการดีดตัวขึ้นได้ ส่งผลให้บิตคอยน์ทรุดตัวลงมากกว่า 21% นับตั้งแต่นั้นมา