บริษัทเชนนาไลซิส (Chainalysis) ซึ่งติดตามเส้นทางการทำธุรกรรมของสกุลเงินดิจิทัลระบุว่า บรรดาผู้ฟอกเงินใช้คริปโทเคอร์เรนซีมากขึ้นเพื่อปกปิดแหล่งที่มาและความเคลื่อนไหวของเงินทุนที่ได้มาอย่างผิดกฎหมาย
รายงานระบุว่า เงินคริปโทฯ ถูกใช้สำหรับการก่ออาชญากรรมนอกเครือข่าย เช่น การลักลอบค้ายาเสพติด และการฉ้อโกง เนื่องจากคริปโทฯ สามารถใช้ทำธุรกรรมข้ามพรมแดนได้แทบจะทันที และโดยทั่วไปมีค่าธรรมเนียมในการทำธุรกรรมที่มีราคาไม่แพง"
เชนนาไลซิสได้ระบุในรายงานเดือนก.ค.ว่า การใช้สกุลเงินดิจิทัลอย่างแพร่หลายทำให้กลายเป็นเครื่องมือในการฟอกเงินจากอาชญากรรมนอกเครือข่ายต่าง ๆ เช่น การค้ายาเสพติดและการฉ้อโกง ซึ่งในปี 2567 การฟอกเงินด้วยสกุลเงินดิจิทัลรวมถึงอาชญากรรมทุกประเภท ไม่ใช่แค่สิ่งที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับระบบนิเวศของสกุลเงินคริปโทฯ
ข้อมูลจากแอลเอสอีจี (LSEG) ระบุว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในขณะที่มูลค่าของบิตคอยน์ (Bitcoin) ซึ่งเป็นสกุลเงินคริปโทฯ ที่ใหญ่ที่สุดในโลก พุ่งขึ้นเกือบ 55% แล้วในปีนี้
ผู้ฟอกเงินใช้วิธีการต่าง ๆ เช่น เครื่องผสมเงินคริปโทฯ (Crypto Mixers), กลไกครอส-เชน บริดจ์ (Cross-chain Bridge) และโยกย้ายไปยังกระเป๋าเงินดิจิทัลต่าง ๆ เพื่อซ่อนการเคลื่อนไหวของเงินทุน
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า เครื่องผสมเงินคริปโทฯ หรือที่เรียกว่า ทัมเบลอร์ (Tumbler) จะนำเงินคริปโทฯ จากหลายแหล่งมาผสมผสานกันเพื่ออำพรางต้นทางและปลายทางของธุรกรรม ทำให้ตรวจจับได้ยาก และบรรดาผู้ฟอกเงินยังใช้ระบบย้ายแพลตฟอร์มเพื่อปกปิดแหล่งที่มาของเงินทุนโดยการโอนระหว่างเครือข่ายบล็อกเชนต่าง ๆ อีกด้วย