นักวิเคราะห์ออกโรงเตือนว่า หากนายโดนัลด์ ทรัมป์ ได้นั่งเก้าอี้ประธานาธิบดีสหรัฐเป็นสมัยที่ 2 อาจจุดชนวนเงินเฟ้อพุ่งสูงทั่วโลกอีกครั้ง เนื่องจากนโยบาย "อเมริกาต้องมาก่อน" (America First) ของเขา จะทำให้ต้นทุนทั่วโลกพุ่งสูงขึ้น
นักวิเคราะห์ระบุว่า นโยบายสร้างกำแพงภาษีนำเข้าในระดับสูง และลดการจัดเก็บภาษีในประเทศของอดีตปธน.ทรัมป์ ได้ทำให้เงินเฟ้อสูงขึ้น และจะยิ่งสร้างความเสียหายหากถูกนำมาใช้อีกครั้ง ในขณะที่เงินเฟ้อเป็นเรื่องที่น่ากังวลอยู่แล้วในขณะนี้
สำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานว่า ภาษีศุลกากรในระดับสูงมักถูกมองว่าเป็นปัจจัยที่ก่อให้เกิดเงินเฟ้อ เนื่องจากทำให้ต้นทุนสินค้านำเข้าเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งเปิดโอกาสให้ผู้ผลิตในประเทศสามารถขึ้นราคาสินค้าได้ ทำให้ผู้บริโภคต้องจ่ายมากขึ้น ขณะที่การลดภาษีที่จัดเก็บในประเทศเป็นการกระตุ้นการใช้จ่ายของผู้บริโภค ทำให้ต้นทุนสินค้าและบริการเพิ่มสูงขึ้น
นายไมเคิล เมตคาล์ฟ หัวหน้าฝ่ายยุทธศาสตร์มหภาคของสเตท สตรีท โกลบอล มาร์เก็ตส์ (State Street Global Markets) กล่าวในรายการ "Squawk Box Europe" ของสำนักข่าวซีเอ็นบีซีในวันอังคาร (16 ก.ค.) ว่า "มีความเสี่ยงที่นโยบายของนายทรัมป์ในสมัยที่ 2 จะทำให้เงินเฟ้อพุ่งสูงยิ่งกว่าสมัยแรก โดยเมื่อเทียบกับปี 2559 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่เงินเฟ้อต่ำสุดและคาดการณ์เงินเฟ้อก็ค่อนข้างต่ำ กล่าวได้ว่าปี 2567 และ 2568 จะเป็นปีที่แตกต่างออกไปอย่างมาก โดยอัตราเงินเฟ้อสูงขึ้น คาดการณ์เงินเฟ้อก็สูงขึ้น และเงินเฟ้อก็เป็นเรื่องที่น่ากังวลอยู่ในขณะนี้"
ดังนั้น การนั่งเก้าอี้ประธานาธิบดีสหรัฐเป็นสมัยที่ 2 ของนายทรัมป์อาจส่งผลให้ราคาสินค้าทั้งในสหรัฐและต่างประเทศ เช่น เอเชียและยุโรป พุ่งสูงขึ้น
ทั้งนี้ ผลการสำรวจความคิดเห็นของนักเศรษฐศาสตร์เมื่อเร็ว ๆ นี้เผยให้เห็นว่า นักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่มองว่าอัตราเงินเฟ้อพุ่งสูงขึ้นภายใต้การนำของอดีตปธน.ทรัมป์ มีสาเหตุมาจากการกีดกันทางการค้าอย่างรุนแรงของเขา