โบอิ้ง (Boeing) บริษัทผลิตเครื่องบินของสหรัฐ ประกาศแต่งตั้งนายเคลลี ออร์ตเบิร์ก ผู้คร่ำหวอดในวงการอุตสาหกรรมการบินและอวกาศ เป็นซีอีโอคนใหม่เมื่อวานนี้ (31 ก.ค.) เพื่อพลิกฟื้นโบอิ้งหลังเผชิญปัญหาทางกฎหมายและกฎระเบียบมากมาย โดยเฉพาะในไตรมาสล่าสุดที่โบอิ้งขาดทุนมากกว่า 1 พันล้านดอลลาร์
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า นายออร์ตเบิร์กจะเริ่มงานในวันที่ 8 ส.ค. พร้อมภารกิจใหญ่หลวงในการเรียกคืนความเชื่อมั่นกับหน่วยงานกำกับดูแล วงการอุตสาหกรรม และประชาชน หลังบริษัทเผชิญวิกฤตอย่างหนักเกี่ยวกับคุณภาพเครื่องบิน
ทั้งนี้ ชื่อเสียงด้านความปลอดภัยของโบอิ้งเริ่มสั่นคลอน หลังเกิดเหตุแผงประตูหลุดกลางอากาศบนเครื่องบิน MAX 9 ของสายการบินอลาสก้า แอร์ไลน์ส (Alaska Airlines) ที่บรรทุกผู้โดยสาร 171 คน เมื่อวันที่ 5 ม.ค.
วิกฤตของบริษัทส่งผลให้มีการปรับเปลี่ยนผู้บริหาร โดยนายเดฟ คาลฮูน ซีอีโอ ตัดสินใจลาออกภายในสิ้นปีนี้ ส่วนนายแลร์รี เดลเนอร์ ประกาศไม่ขอลงสมัครเป็นประธานบอร์ดบริหารอีก
นายคาลฮูนกล่าวกับนักวิเคราะห์ว่า การเข้ามาของนายออร์ตเบิร์กไม่น่าจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในทีมผู้นำของโบอิ้ง โดยก่อนหน้านี้ หลายคนมองว่าสเตฟานี โป๊ป หัวหน้าฝ่ายเครื่องบินพาณิชย์ของโบอิ้ง มีโอกาสเป็นผู้สืบทอดตำแหน่งต่อจากนายคาลฮูน
"ผมเดาว่าเขา (ออร์ตเบิร์ก) จะให้การสนับสนุนสเตฟานีและทีมงานคนอื่น ๆ อย่างเต็มที่ และพยายามช่วยเหลืองานของพวกเขา" นายคาลฮูนบอกกับนักวิเคราะห์
หลังเกิดเหตุในเดือนม.ค.ได้ไม่นาน สำนักงานบริหารการบินแห่งชาติสหรัฐ (FAA) สั่งห้ามโบอิ้งเพิ่มกำลังผลิตเครื่องบินตระกูล 737 MAX เกิน 38 ลำต่อเดือน โดยไม่ระบุว่าข้อจำกัดนี้จะมีผลนานแค่ไหน
ทั้งนี้ เครื่องบินรุ่นดังกล่าวถือเป็นรุ่นทำเงินของบริษัท
ตอนนี้ นายออร์ตเบิร์กมีหน้าที่ฟื้นฟูกำลังการผลิตเครื่องบิน 737 จากประมาณ 25 ลำในเดือนมิ.ย.และก.ค. ให้เพิ่มขึ้นเป็น 38 ลำภายในสิ้นปีนี้
ทั้งนี้ นายออร์ตเบิร์ก วัย 64 ปี เป็นวิศวกรเครื่องกล มีประสบการณ์ในวงการอวกาศและกลาโหมมากว่า 30 ปี รวมถึงเคยดำรงตำแหน่งผู้บริหารระดับสูงมาแล้วหลายตำแหน่ง
"ยังมีงานรออยู่อีกมาก ผมตั้งหน้าตั้งตารอที่จะเริ่มลงมือ" นายออร์ตเบิร์กระบุในแถลงการณ์ ขณะที่โบอิ้งยกเว้นกฎเกษียณอายุ 65 ปีให้เขาเป็นกรณีพิเศษ
เอกสารที่ยื่นต่อทางการระบุว่า นายออร์ตเบิร์กจะได้รับค่าตอบแทนจูงใจระยะยาวตั้งเป้าไว้ที่ 17.5 ล้านดอลลาร์ เงินเดือนพื้นฐานปีละ 1.5 ล้านดอลลาร์ โบนัสประจำปีที่ 3 ล้านดอลลาร์ และเงินสดอีก 1.25 ล้านดอลลาร์ในเดือนธ.ค.
ก่อนหน้านี้ นายออร์ตเบิร์กเคยบริหารร็อคเวลล์ คอลลินส์ (Rockwell Collins) มา 5 ปี จากนั้นก็ควบคุมการควบรวมกิจการระหว่างยูไนเต็ด เทคโนโลยีส์ (United Technologies) และ RTX จนเขาเกษียณจาก RTX ในปี 2564
"นี่คือตัวเลือกที่ถือว่าแข็งแกร่งและปลอดภัย แม้อายุนายออร์ตเบิร์กอาจมากกว่าที่นักลงทุนบางคนอยากเห็น แต่เราเชื่อว่าชื่อเสียงของเขาที่ร็อคเวลล์ คอลลินส์ และยูไนเต็ด เทคโนโลยีส์/RTX นั้นโดดเด่นมาก" นายเคน เฮอร์เบิร์ต นักวิเคราะห์จากอาร์บีซี แคปปิตอล มาร์เก็ตส์ (RBC Capital Markets) ระบุในบันทึก
ประสบการณ์ของนายออร์ตเบิร์กในด้านการควบรวมกิจการจะถูกทดสอบอีกครั้งที่โบอิ้ง โดยเฉพาะความสำเร็จในการนำพาคอลลินส์ผ่านดีลมูลค่า 8.3 พันล้านดอลลาร์เพื่อซื้อบีอี แอโรสเปซ (BE Aerospace) ในปี 2559 โดยปัจจุบัน โบอิ้งกำลังเร่งดำเนินการเพื่อควบรวมกับบริษัทผู้ผลิตลำตัวเครื่องบิน สปิริต แอโรซิสเต็มส์ (Spirit AeroSystems) หลังจากบรรลุข้อตกลงซื้อคืนสปิริต แอโร เมื่อต้นปีนี้
นอกจากนี้ การแต่งตั้งนายออร์ตเบิร์กยังตอบโจทย์ความต้องการของอุตสาหกรรมในการหาคนนอกมาแก้ปัญหาให้โบอิ้งอีกด้วย หลังจากเขาได้รับเลือกแทนนายแพทริค ชานาฮาน อดีตผู้บริหารโบอิ้งและซีอีโอคนปัจจุบันของสปิริต แอโร ซึ่งเป็นคนที่นักวิเคราะห์และนักลงทุนบางกลุ่มมองว่าเป็นตัวเต็งสืบทอดตำแหน่งต่อจากนายคาลฮูน
ทั้งนี้ ตามข้อมูลของ LSEG โบอิ้งรายงานผลประกอบการขาดทุน 1.4 พันล้านดอลลาร์ จากรายได้ 1.687 หมื่นล้านดอลลาร์ ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.723 หมื่นล้านดอลลาร์ โดยบริษัทขาดทุน 2.90 ดอลลาร์/หุ้น แย่กว่าคาดการณ์ที่ระดับ 1.97 ดอลลาร์/หุ้น
นายไบรอัน เวสต์ CFO ของโบอิ้งเปิดเผยในการประชุมทางโทรศัพท์กับนักวิเคราะห์ว่า บริษัทคาดว่าจะใช้เงินสดในปี 2567 มากกว่าที่ประเมินไว้ก่อนหน้านี้ และน่าจะเผาเงินสดต่อเนื่องในไตรมาสที่ 3 ทั้งนี้ ในไตรมาสที่ 2 กระแสเงินสดอิสระของบริษัทติดลบไปแล้ว 4.33 พันล้านดอลลาร์
หุ้นโบอิ้งปิดตลาดเมื่อวานนี้ด้วยราคา 190.60 ดอลลาร์/หุ้น เพิ่มขึ้น 2% โดยแม้ธุรกิจหลายด้านรวมถึงด้านกลาโหมและอวกาศจะประสบปัญหา แต่การประกาศแต่งตั้งซีอีโอใหม่ช่วยหนุนราคาหุ้น