สายการบินเดลตาแอร์ไลน์เปิดเผยเมื่อวันพฤหัสบดี (8 ส.ค.) ว่า เหตุการณ์ระบบล่มครั้งใหญ่ของบริษัทคราวด์สไตรค์ (Crowdstrike) เมื่อเดือนที่ผ่านมา และการยกเลิกเที่ยวบินจำนวนมากในเวลาต่อมา ก่อเกิดความเสียหายมูลค่า 550 ล้านดอลลาร์ และย้ำว่าทางสายการบินยังเดินหน้าฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายจากบริษัทคราวด์สไตรค์และไมโครซอฟท์ (Microsoft)
เดลตาแอร์ไลน์เปิดเผยว่า ผลกระทบทางการเงินนั้นรวมถึงรายได้ที่ลดลง 380 ล้านดอลลาร์ในไตรมาสปัจจุบัน "โดยมีสาเหตุหลักมาจากการคืนเงินลูกค้าสำหรับเที่ยวบินที่ถูกยกเลิกและการชดเชยลูกค้าในรูปของเงินสดและโปรแกรมสกายไมลส์ (SkyMiles)"
สำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานว่า เหตุการณ์ระบบล่มดังกล่าวส่งผลให้เดลตาแอร์ไลน์ยกเลิกเที่ยวบินประมาณ 7,000 เที่ยว ขณะที่เดลตาแอร์ไลน์ยังต้องเสียค่าใช้จ่ายไป 170 ล้านดอลลาร์ที่เกี่ยวข้องกับการขัดข้องทางเทคโนโลยีและความพยายามในการฟื้นฟูการปฏิบัติงานในภายหลังด้วย พร้อมเสริมว่า ต้นทุนเชื้อเพลิงคาดว่าจะลดลง 50 ล้านดอลลาร์ เนื่องจากเที่ยวบินถูกยกเลิก
"การหยุดชะงักในการปฏิบัติงานในขนาดและระยะเวลาเช่นนี้เป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้ ลูกค้าและพนักงานของเราสมควรได้รับสิ่งที่ดีกว่านี้" นายเอด บาสเตียน ซีอีโอเดลตาระบุ "นับตั้งแต่เหตุการณ์ดังกล่าว พนักงานของเราได้ฟื้นฟูการดำเนินงานสู่มาตรฐานชั้นนำของอุตสาหกรรม ซึ่งสอดคล้องกับระดับประสิทธิภาพที่ลูกค้าของเราคาดหวังจากเดลตา"
ขณะเดียวกัน คราวด์สไตรค์ได้ตอบกลับในแถลงการณ์ในวันเดียวกันว่า เดลตายังคงสานต่อเรื่องราวที่ทำให้เกิดความเข้าใจผิด พร้อมระบุว่า ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายรักษาความปลอดภัยของคราวด์สไตรค์ได้ติดต่อโดยตรงกับประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายสารสนเทศและความปลอดภัยของเดลตา ภายในไม่กี่ชั่วโมงหลังเกิดเหตุการณ์ พร้อมให้ข้อมูลและการสนับสนุน
ด้านนายเดวิด บอยส์ ทนายความของเดลตา ระบุในจดหมายที่ส่งไปยังทนายความของคราวด์สไตรค์ว่า ลูกค้า 1.3 ล้านคนได้รับผลกระทบจากเหตุระบบล่ม อีกทั้งเครื่องคอมพิวเตอร์ของเดลตาดับไปถึง 37,000 เครื่อง
"หากคราวด์สไตรค์หวังไม่ให้ถูกเดลตาฟ้องร้องจริง ๆ แล้ว ก็จะต้องรับผิดชอบอย่างเต็มที่ต่อการกระทำของตนและจ่ายค่าชดเชยแก่เดลตา สำหรับความเสียหายร้ายแรงที่เกิดขึ้นกับธุรกิจ ชื่อเสียง และค่าความนิยมของเดลตา" นายบอยส์ระบุ