กระทรวงการจัดการเหตุฉุกเฉินของจีนรายงานว่า สถานการณ์ฝนตกหนักและน้ำท่วมอย่างรุนแรงส่งผลให้ความสูญเสียทางเศรษฐกิจอันเนื่องมาจากภัยพิบัติทางธรรมชาติเพิ่มขึ้นเกือบสองเท่าในเดือนก.ค. เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว
ข้อมูลระบุว่า จีนเผชิญกับความสูญเสียทางเศรษฐกิจจากภัยพิบัติทางธรรมชาติคิดเป็นมูลค่า 7.69 หมื่นล้านหยวน (1.01 หมื่นล้านดอลลาร์) ในเดือนก.ค. โดย 88% ของความสูญเสียทั้งหมดเกิดจากฝนตกหนัก น้ำท่วม และผลกระทบจากภัยพิบัติดังกล่าว โดยถือเป็นความสูญเสียครั้งใหญ่ที่สุดสำหรับเดือนก.ค. นับตั้งแต่ปี 2564
ทางกระทรวงเปิดเผยว่า ภัยพิบัติทางธรรมชาติส่งผลกระทบต่อประชาชนเกือบ 26.4 ล้านคนทั่วประเทศจีนในเดือนก.ค. โดยมีผู้เสียชีวิตหรือสูญหาย 328 ราย
นอกจากนี้ ประชาชน 1.1 ล้านคนต้องอพยพ บ้านเรือนพังทลาย 12,000 หลัง และอีก 157,000 หลังได้รับความเสียหายในเดือนก.ค. อีกทั้งยังมีพื้นที่เพาะปลูกได้รับผลกระทบ 2.42 ล้านเฮกตาร์
ทางกระทรวงระบุว่า มีฝนตกหนักมากในหลายพื้นที่ เช่น ลุ่มแม่น้ำเสฉวน แม่น้ำเหลือง แม่น้ำหวาย และบางส่วนของที่ราบจีนตอนเหนือ ทำลายสถิติปริมาณน้ำฝนที่สถานีอุตุนิยมวิทยา 33 แห่งในมณฑลเหอหนาน หูหนาน และซานตง
ยิ่งไปกว่านั้น ระดับน้ำในแม่น้ำสายหลัก ๆ ที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็วและลดลงอย่างเชื่องช้าหลังเกิดน้ำท่วมยังทำให้สถานการณ์เลวร้ายลงอีกด้วย
ในมณฑลเหอหนาน ซึ่งเป็นแหล่งปลูกพืชเชิงพาณิชย์ของจีน มีพื้นที่เพาะปลูกได้รับผลกระทบมากกว่า 1.13 ล้านเฮกตาร์ โดยพืชผลบางส่วนถูกน้ำท่วมเสียหายหมด
สำหรับทางตอนใต้ของจีนนั้น พายุไต้ฝุ่นแกมี (Gaemi) สร้างความเสียหายมากที่สุดในมณฑลหูหนาน นอกจากนี้ พายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และลูกเห็บ ยังสร้างความเสียหายต่อพื้นที่เพาะปลูกและพืชผลในเขตปกครองตนเองมองโกเลียในและซินเจียงอีกด้วย