ผู้เชี่ยวชาญเปิดเผยว่า ภาคการผลิตโกโก้ของกานากำลังเผชิญกับภัยคุกคามระยะยาวจากโรคต้นบวม (swollen shoot) ที่กำลังทวีความรุนแรงมากขึ้น โดยข้อมูลล่าสุดบ่งชี้ว่า กานาไม่สามารถควบคุมการแพร่ระบาดของโรคพืชชนิดดังกล่าวได้
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า โรคต้นบวม ซึ่งเป็นโรคประจำถิ่นของกานาที่แพร่ระบาดจากเพลี้ยแป้ง ส่งผลให้พืชออกผลลดลงในระยะแรก และหลังจากนั้น 5-10 ปี พืชดังกล่าวจะตายในที่สุด โดยการแพร่ระบาดของโรคต้นบวมในกานาขยายตัวอย่างรวดเร็วในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เนื่องจากกานาขาดแคลนทรัพยากรในการจัดการกับโรคชนิดดังกล่าวท่ามกลางวิกฤตเศรษฐกิจ ดังนั้น ในการรับมือกับอาการโรคต้นบวมในโกโก้ เกษตรกรจำเป็นต้องโค่นและเผาต้นเก่าก่อนจึงจะสามารถปลูกโกโก้ใหม่ได้
ผลผลิตโกโก้ในกานาลดลงต่อเนื่องติดต่อกัน 3 ฤดูกาล แตะระดับต่ำสุดในรอบ 20 ปี แม้ผลผลิตคาดว่าจะปรับตัวดีขึ้นในฤดูกาลหน้า เนื่องจากสภาพอากาศเอื้ออำนวย แต่ยังคงมีแนวโน้มการลดลงในระยะยาว
ผลสำรวจของสำนักข่าวรอยเตอร์เมื่อวันพุธ (7 ส.ค.) คาดการณ์ว่า ผลผลิตในฤดูหน้าจะอยู่ที่ 640,000 ตัน ซึ่งเพิ่มขึ้นอย่างมากจากฤดูกาลก่อนหน้านี้ที่ 450,000 ตัน แต่ยังคงต่ำกว่าระดับสูงสุดที่ 1 ล้านตันในฤดูกาลปี 2563/2564
นายสตีฟ วอเตอร์ริดจ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านระดับโลกด้านโกโก้และหัวหน้าฝ่ายวิจัยที่ศูนย์บริการวิจัยเขตร้อนของเอ็กซ์ปานา (Expana) กล่าวว่า "สถานการณ์โรคต้นบวมนั้นเลวร้ายลงเรื่อยๆ ในกานา และยังคงไม่หายไปไหน"
นอกจากนี้ ผู้เชี่ยวชาญด้านโกโก้อีกรายเสริมว่า แม้ผลผลิตโกโก้ของกานาในฤดูกาลหน้าจะดีขึ้น แต่การฟื้นตัวดังกล่าวจะไม่ยั่งยืน หากกานายังไม่สามารถจัดการกับโรคพืชชนิดนี้ได้
ข้อมูลจากโกโก้บอด (Cocobod) ซึ่งเป็นหน่วยงานกำกับดูแลอุตสาหกรรมการผลิตโกโก้ ระบุว่า ผลการสำรวจทั่วประเทศครั้งล่าสุดของกานาเมื่อปี 2566 แสดงให้เห็นว่า พื้นที่เพาะปลูกโกโก้ 31% เผชิญกับโรคต้นบวม ซึ่งสูงกว่าระดับ 17% ในปี 2560
นายโมเสส อัตตา จากบริษัทคอมโมดิตี มอนิเตอร์ (Commodity Monitor) ซึ่งตั้งอยู่ในกานา กล่าวโดยอ้างอิงรายงานของโกโก้บอดว่า ผลสำรวจของโกโก้บอดในภูมิภาคเวสเทิร์น นอร์ท ในปีนี้ ซึ่งเป็นภูมิภาคที่มีการเพาะปลูกโกโก้ที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับที่ 3 จากทั้งหมด 7 ภูมิภาค เผยให้เห็นว่า อัตราการติดเชื้อโรคต้นบวมอยู่ที่ 81% เมื่อเทียบกับ 42% ในปี 2563
นายอัตตาเสริมว่า อัตราการติดเชื้อที่เพิ่มขึ้นในภูมิภาคเวสเทิร์น นอร์ทนั้นน่ากังวลอย่างยิ่ง เนื่องจากแสดงให้เห็นว่า โรคดังกล่าวนี้มีแนวโน้มที่จะทวีความรุนแรงขึ้นทั่วประเทศ แม้ว่าการแพร่ระบาดในภูมิภาคอื่น ๆ จะไม่รุนแรงเท่าก็ตาม
ทั้งนี้ โกโก้บอดรายงานความคืบหน้าที่สำคัญในการจัดการกับปัญหานี้ โดยระบุว่า ฟาร์มจำนวนมากทั่วประเทศได้รับการรักษาและปลูกใหม่ทดแทนแล้ว