สำนักงานตำรวจอาชญากรรมของรัฐบาลกลางเยอรมนีเปิดเผยว่า การวางระเบิดตู้ ATM เพื่อขโมยเงินได้เพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าในปี 2559 เป็น 318 เครื่อง และเพิ่มขึ้นสูงสุดในปี 2565 เมื่อตู้ ATM ถูกระเบิดไป 496 เครื่อง
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า เยอรมนีซึ่งมีเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดของยุโรปกลายเป็นเป้าหมายหลักของกลุ่มอาชญากรในการปฏิบัติการระเบิดตู้ ATM
กลุ่มอาชญากรมองว่าปฏิบัติการวางระเบิดตู้ ATM นั้นรวดเร็วกว่าการปล้นธนาคาร มีความเสี่ยงน้อยกว่า และได้เงินมากกว่า
"เราเห็นการระเบิดตู้ ATM ทั่วโลก แต่ความรุนแรงที่เราพบในเยอรมนีนั้นแตกต่างอย่างแท้จริง" สเตฟาน เลสแมนน์ หัวหน้าฝ่ายความปลอดภัยของ Diebold Nixdorf ผู้ผลิตตู้ ATM และผู้นำตลาดเครื่อง ATM ในสหภาพยุโรปกล่าว
ทั้งนี้ เยอรมนีมีพรมแดนติดกับเนเธอร์แลนด์ซึ่งเคยเป็นศูนย์กลางของเหตุระเบิดเหล่านี้มาก่อน แต่ในปี 2558 เนเธอร์แลนด์ได้ลดจำนวนตู้ ATM ทั่วประเทศจาก 20,000 ตู้ เหลือ 5,000 ตู้ โดยเสริมความแข็งแกร่งให้กับตู้ที่เหลือ และส่งเสริมให้ธุรกิจและประชาชนเลิกใช้เงินสด
เมื่อเหลือเป้าหมายเพียงไม่กี่แห่งในเนเธอร์แลนด์ บรรดาผู้ก่อเหตุจึงย้ายมาวางระเบิดตู้ ATM ในเยอรมนีแทน