คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (SEC) ของสหรัฐฟ้องร้องโนวาเทค (NovaTech) ซึ่งเป็นบริษัทคริปโทเคอร์เรนซีและสองสามีภรรยาผู้ร่วมก่อตั้งเมื่อวันจันทร์ (12 ส.ค.) โดยระบุว่า กระทำการฉ้อโกงเงินกว่า 650 ล้านดอลลาร์สหรัฐจากนักลงทุนทั่วโลกจำนวนมากกว่า 200,000 รายซึ่งรวมถึงชาวอเมริกันเชื้อสายเฮติ
โนวาเทค รวมถึงซินเธียและเอ็ดดี้ เพติออน ผู้ร่วมก่อตั้ง ได้สัญญากับนักลงทุนว่าเงินลงทุนของพวกเขาจะปลอดภัย โดยซินเธีย เพติออนได้ยืนยันว่า ผู้ลงทุนจะได้รับกำไรตั้งแต่วันแรกที่ลงทุน
SEC ระบุว่า ซินเธียและเอ็ดดี้ใช้เงินทุนก้อนใหม่ส่วนใหญ่เพื่อนำไปจ่ายให้กับนักลงทุนที่ลงทุนไปก่อนหน้า และจ่ายค่าคอมมิชชันให้กับผู้ชักชวนนักลงทุนรายใหม่ให้มาลงทุน ขณะที่ยักยอกเงินลงทุนหลายล้านดอลลาร์สหรัฐให้กับตนเอง โดยโครงการลงทุนดังกล่าวดำเนินมาเป็นเวลา 4 ปีจนกระทั่งโนวาเทคประสบภาวะล้มละลายในเดือนพ.ค. 2566
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า การฟ้องร้องดังกล่าวที่ศาลของรัฐบาลกลางในไมอามีมีขึ้น หลังจากที่ 2 เดือนก่อนหน้านั้น เลทิเทีย เจมส์ อัยการสูงสุดของรัฐนิวยอร์กได้ฟ้องร้องโนวาเทคและสองสามีภรรยาตระกูลเพติออนที่ศาลของรัฐในแมนฮัตตันซึ่งประมาณการวงเงินที่มีการฉ้อโกงมากกว่า 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
SEC และอัยการสูงสุดของรัฐนิวยอร์กระบุว่า โนวาเทคพยายามโน้มน้าวนักลงทุนที่หลงเชื่อด้วยความศรัทธาทางศาสนาผ่านทางโซเชียลมีเดีย, เทเลแกรม และวอตส์แอป และบางครั้งก็ใช้ภาษาครีโอลเฮติ (Haitian Creole) เพื่อหลอกลวงเหยื่อ โดยซินเธีย เพติออน เรียกตัวเองว่า "สาธุคุณซีอีโอ" (Reverend CEO) และระบุว่าโนวาเทคคือ "ทรรศนะของพระเจ้า" (God's vision)
นอกจากนี้ SEC และอัยการสูงสุดของรัฐนิวยอร์กระบุว่า การฉ้อโกงดังกล่าวเป็นธุรกิจแบบพีระมิด (pyramid scheme) ซึ่งบริษัทจะทำการจ่ายเงินโบนัสหรือคอมมิชชันเพื่อหานักลงทุนรายใหม่ ๆ เข้ามาร่วมลงทุน
ทั้งนี้ การฟ้องร้องทั้งสองคดีนั้นมีจุดประสงค์เพื่อเรียกร้องค่าเสียหายให้แก่เหยื่อที่ถูกฉ้อโกงและเรียกร้องค่าปรับทางแพ่ง