ความไม่แน่นอนทางการเมืองภายหลังการตัดสินใจของนายฟูมิโอะ คิชิดะ นายกรัฐมนตรีของญี่ปุ่นที่จะก้าวลงจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีนั้น คาดว่าจะทำให้ BOJ ชะลอแผนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจากระดับใกล้ 0% แทนที่จะหยุดชะงักโดยสิ้นเชิง
นักวิเคราะห์กล่าวว่า ระยะเวลาของการชะลอการปรับขึ้นดอกเบี้ยดังกล่าวจะดำเนินไปนานเท่าใดนั้นไม่เพียงแต่ขึ้นอยู่กับการแข่งขันเพื่อชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรคเสรีประชาธิปไตย (LDP) ซึ่งเป็นพรรครัฐบาลเท่านั้น แต่ยังขึ้นอยู่กับว่า ความเคลื่อนไหวของตลาดนั้นจะส่งผลกระทบอย่างไรต่อการอภิปรายทางการเมืองเกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
นายคิชิดะซึ่งเลือกนายคาซูโอะ อุเอดะ ให้ดำรงตำแหน่งผู้ว่าการ BOJ เมื่อปีที่แล้วกล่าวเมื่อวันพุธ (14 ส.ค.) ว่า เขาจะไม่ลงสมัครชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรค LDP ซึ่งมีกำหนดจัดขึ้นในเดือนก.ย.
ทั้งนี้ BOJ ทำงานอย่างใกล้ชิดกับคณะบริหารของนายคิชิดะเพื่อส่งเสริมการปรับขึ้นค่าจ้างที่สูงขึ้น โดยเพียงไม่กี่วันก่อน BOJ ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนก.ค. นายคิชิดะระบุว่า การปรับนโยบายการเงินให้เป็นปกติจะช่วยให้ญี่ปุ่นเปลี่ยนผ่านไปสู่เศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วยการเติบโต ซึ่งส่งสัญญาณถึงจุดยืนที่ชัดเจนของเขาในการสนับสนุนให้ BOJ เลิกใช้อัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำเป็นพิเศษ
การก้าวลงจากตำแหน่งของนายคิชิดะจะก่อให้เกิดสุญญากาศทางการเมืองที่ส่งผลให้นโยบายเศรษฐกิจมีความไม่แน่นอนมากขึ้น และยังทำให้ BOJ เผชิญความท้าทายในการประสานงานกับรัฐบาลเพื่อยกเลิกนโยบายการเงินแบบผ่อนคลาย
ขณะเดียวกัน บรรดาผู้สมัครที่ถูกมองว่าเป็นตัวเก็งชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรค LDP ส่วนใหญ่ต่างมีจุดยืนสนับสนุนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่ำพิเศษของญี่ปุ่นในปัจจุบันอย่างค่อยเป็นค่อยไป ส่วนหนึ่งเพื่อช่วยป้องกันไม่ให้เงินเยนอ่อนค่าลงอย่างรวดเร็ว
ทั้งนี้ นายชิเกรุ อิชิบะ อดีตรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมซึ่งถูกมองว่าเป็นผู้จะมาสืบทอดตำแหน่งต่อจากนายคิชิดะในฐานะผู้นำพรรค LDP คนต่อไปและจะขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีนั้นได้ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวรอยเตอร์ว่า BOJ ดำเนินนโยบายที่เหมาะสมแล้วในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไป