ธนาคารกลางลิเบียเปิดเผยว่า กลุ่มบุคคลไม่ทราบฝ่ายอยู่เบื้องหลังการลักพาตัวนายมูซาบ มุสลาม หัวหน้าแผนกเทคโนโลยีสารสนเทศ พร้อมประกาศระงับการดำเนินงานทั้งหมดของธนาคารจนกว่าเจ้าหน้าที่อาวุโสรายดังกล่าวจะได้รับการปล่อยตัว
ธนาคารได้ออกแถลงการณ์เมื่อวันอาทิตย์ (18 ส.ค.) ระบุว่า "ธนาคารไม่ยอมรับวิธีการที่ดูเหมือนแก๊งมาเฟีย ซึ่งกระทำการโดยบางฝ่ายที่มิชอบด้วยกฎหมาย" และเสริมว่า เจ้าหน้าที่ธนาคารหลายคนถูกข่มขู่ด้วยเช่นกัน ดังนั้น ธนาคารจึงขอระงับการดำเนินงานจนกว่า "การกระทำเหล่านี้จะยุติลง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาแทรกแซง"
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า นายริชาร์ด นอร์แลนด์ เอกอัครราชทูตสหรัฐประจำลิเบียกล่าวเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า ความพยายามในการใช้กำลังบังคับเปลี่ยนตัวผู้บริหารของธนาคารอาจส่งผลให้ลิเบียสูญเสียสิทธิในการเข้าถึงตลาดการเงินนานาชาติ
สถานทูตสหรัฐระบุว่า นายนอร์แลนด์ได้พบกับนายซาดิก คาเบียร์ ผู้ว่าการธนาคารกลางลิเบีย เพื่อหารือเกี่ยวกับกลุ่มติดอาวุธหลายกลุ่มที่รวมตัวกันอยู่รอบสำนักงานใหญ่ของธนาคารกลางในกรุงตริโปลี
ธนาคารกลางลิเบียเป็นหน่วยงานแห่งเดียวของประเทศที่ได้รับการยอมรับจากนานาชาติในฐานะผู้รับฝากรายได้จากการค้าน้ำมัน ซึ่งเป็นรายได้ทางเศรษฐกิจที่สำคัญสำหรับลิเบีย
ทั้งนี้ ลิเบียเผชิญกับความขัดแย้งจากสองรัฐบาลที่เป็นคู่แข่งกันในตริโปลีและเบงกาซีมานานหลายปี โดยลิเบียได้รับความสงบกลับคืนมาในช่วงเวลาสั้น ๆ หลังการลุกฮือที่ได้รับการสนับสนุนจากนาโต (NATO) เพื่อโค่นล้มอำนาจเผด็จการของนายมูอัมมาร์ กัดดาฟี เมื่อปี 2554 ก่อนจะมีการแบ่งแยกระหว่างฝ่ายตะวันออกและฝ่ายตะวันตกในปี 2557